กกพ.ประกาศขึ้นค่าไฟ บ้านอยู่อาศัยหน่วยละ 4.72 บาท ธุรกิจ 5.69 บาท

กกพ.ขึ้นค่าไฟ
คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ( กพช. )

กกพ. ประกาศค่าเอฟทีงวดแรก ตามมติ กพช. ตรึงค่าไฟ 4.72 บาท/หน่วย ค่าเอฟทีบ้าน 93.43 สตางค์/หน่วย ผู้ใช้ไฟฟ้ารายอื่นใช้ก๊าซส่วนเหลือ ค่าไฟ 5.69 บาทต่อหน่วย ค่าเอฟที 190.44 สตางค์/หน่วย ม.ค.-เม.ย. 2566

วันที่ 15 ธันวาคม 2565 ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า หลังจาก กพช.มีมติให้จัดสรรก๊าซธรรมชาติหลังโรงแยกก๊าซ เพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้าสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยเป็นลำดับแรก ในปริมาณที่ไม่เพิ่มภาระอัตราค่าไฟฟ้าจากปัจจุบัน ส่งผลให้ กกพ.ต้องประกาศค่าไฟฟ้าเป็น 2 กลุ่ม คือ

ประเภทบ้านอยู่อาศัยและประเภทอื่น ๆ โดยมีผลให้ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยมีอัตราค่าไฟฟ้า 4.72 บาทต่อหน่วย และผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่น ๆ มีอัตราค่าไฟฟ้า 5.69 บาทต่อหน่วย ในรอบบิลค่าไฟฟ้า ม.ค.-เม.ย. 66

นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า ในการประชุม กกพ. ครั้งที่ 58/2565 (ครั้งที่ 825) เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2565 พิจารณาผลการคำนวณค่า Ft ที่ กฟผ.เสนอตามแนวทางที่ กพช.เห็นชอบ ประจำงวดเดือนมกราคม-เมษายน 2566 สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่อัตรา 93.43 สตางค์ต่อหน่วย

ส่วนผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่นที่อัตรา 190.44 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งการคำนวณค่า Ft ตามแนวทางดังกล่าวนี้ ทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยอยู่ในระดับเท่าเดิมที่อัตรา 4.72 บาทต่อหน่วย ส่วนผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่นจะมีค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่อัตรา 5.69 บาทต่อหน่วย

ปัจจัยหลักที่กระทบค่า Ft ในรอบนี้มาจากต้นทุนราคาเชื้อเพลิงที่ต้องนำเข้ามาทดแทนการลดลงของก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย และก๊าซธรรมชาติในสหภาพพม่า ตามการประมาณการ ปริมาณและราคาก๊าซธรรมชาติในการคิดค่า Ft ในรอบเดือนมกราคม-เมษายน 2566 และภาระการทยอยจ่ายคืนหนี้ Ft กฟผ.

สมมุติฐาน และการบริหารเชื้อเพลิง
สมมุติฐาน และการบริหารเชื้อเพลิงที่ ปตท. และ กฟผ.ปรับปรุง

สำหรับสมมุติฐานและการบริหารเชื้อเพลิงที่ ปตท. และ กฟผ. ปรับปรุงตามแนวทางการบริหารเชื้อเพลิงของกระทรวงพลังงาน เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติเพื่อลดภาระค่าไฟฟ้าในช่วงวิกฤตราคาพลังงาน ม.ค.-เม.ย. 66 ตามมติ กพช.สรุปได้ สมมุติฐานที่ปรับปรุง ในงวด ม.ค.-เม.ย. 66 รับฟังความเห็น วันที่ 14-27 พ.ย. 65 หลังมติ กพช. 25 พ.ย. 65 พบว่าราคาก๊าซธรรมชาติ Pool Gas (ไม่รวมค่าผ่านท่อบนบก) ปรับเป็น 552 493 จากหลังมติ กพช.ที่ 493 บาทต่อล้านบีทียู

จัดสรรก๊าซธรรมชาติตามมติ กพช. ราคาก๊าซอ่าวไทย (จัดสรร ปชช.) ไม่เปลี่ยนแปลงที่ 238 ราคาหลังจัดสรร 542 บาทต่อล้านบีทียู สัดส่วนก๊าซอ่าวไทยอยู่ที่ 40% จากพม่า 16% LNG 44% ปรับจาก 45% อ่าวไทย 17% และพม่า 38% ส่วนประมาณการราคา Spot LNG อยู่ที่ 1,369 บาทต่อล้านบีทียู คำนวณที่ 37.0 เหรียญสหรัฐ ต่อล้านบีทียู) จากเดิมที่ 1,169 บาทต่อล้านบีทียู คำนวณที่ 31.57 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู และปริมาณน้ำมันที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้า ล้านลิตร/เดือน 250 ล้านลิตรจากเดิมมากกว่า 400* ล้านลิตร

โดยหลังจากที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในการประชุมครั้งที่ 8/2565 (ครั้งที่ 163) เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2565 ได้มีมติเห็นชอบแนวทางบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติเพื่อลดภาระค่าไฟฟ้าในช่วงวิกฤตราคาพลังงาน ม.ค.-เม.ย. 66 โดย “ให้จัดสรรก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยหลังโรงแยกก๊าซ เพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้าสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยเป็นลำดับแรก ในปริมาณที่ไม่เพิ่มภาระอัตราค่าไฟฟ้าจากปัจจุบัน

โดยมอบหมายให้ กกพ.ไปคำนวณอัตราค่าเอฟที (Ft) สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัย ตั้งแต่ใบแจ้งหนี้ค่าไฟฟ้าประจำเดือนมกราคม-เมษายน 2566” และ “ให้ ปตท. ร่วมกับ กฟผ. บริหารจัดการผลกระทบราคาก๊าซธรรมชาติต่อค่าไฟฟ้า โดยให้ ปตท.คิดราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับโรงไฟฟ้าของ กฟผ. ผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ (IPP) และผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) ในระดับราคาเดียวกับที่ใช้ประมาณการค่าไฟฟ้าตามสูตรปรับอัตราค่า Ft ตั้งแต่เดือนที่ กพช.มีมติเป็นต้นไป

และให้นำส่วนต่างของราคาก๊าซธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นจริงกับราคาก๊าซธรรมที่เรียกเก็บดังกล่าวไปทยอยเรียกเก็บคืนในการคำนวณค่า Ft รอบถัดไป” และได้รับแจ้งมติดังกล่าวมายังสำนักงาน กกพ. เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2565 แล้วนั้น กกพ.จึงจำเป็นต้องปรับปรุงแนวทางการคำนวณค่า Ft ประจำเดือนมกราคม-เมษายน 2566 ที่ได้รับฟังความเห็นไปแล้วให้สอดคล้องกับมติดังกล่าว โดยมีการปรับปรุง ดังนี้

1.ให้ ปตท.ทบทวนการประมาณการราคาก๊าซธรรมชาติใหม่อีกครั้งให้สอดคล้องกับมติ กพช. และแนวทางการบริหารเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าของกระทรวงพลังงาน เช่น

(1) เพิ่มการใช้น้ำมันดีเซลและน้ำมันเตาเพื่อทดแทนการนำเข้า LNG ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ราคาเชื้อเพลิงในตลาดโลกและความสามารถในการขนส่งน้ำมันดีเซลให้กับโรงไฟฟ้า

(2) เพิ่มปริมาณก๊าซในอ่าวไทยในการผลิตไฟฟ้าโดยลดปริมาณก๊าซอ่าวไทยเข้าโรงแยกก๊าซ แล้วส่งมาผลิตไฟฟ้าเพื่อทดแทนการลดลงของก๊าซธรรมชาติในสหภาพพม่า

(3) ปรับปรุงสมมุติฐานราคานำเข้า LNG Spot อ้างอิงตามแนวโน้มที่ดีขึ้น

และ (4) เดินเครื่องโรงไฟฟ้าแม่เมาะ หน่วยที่ 4 ที่ปลดแล้วตามความจำเป็น เป็นต้น การดำเนินการดังกล่าวส่งผลให้ประมาณการราคา Pool Gas ลดลงจาก 552 บาทต่อล้านบีทียู เป็น 493 บาทต่อล้านบีทียู ต่อมาจึงคำนวณโดยแบ่งก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยหลังโรงแยก เพื่อใช้ผลิตไฟฟ้าให้บ้านอยู่อาศัยก่อน ทำให้บ้านอยู่อาศัยสามารถใช้ก๊าซในราคา 238 บาทต่อล้านบีทียู

และจัดสรรก๊าซธรรมชาติอ่าวไทยส่วนที่เหลือรวมกับก๊าซจากสหภาพพม่าและ LNG สำหรับผู้ใช้ก๊าซรายอื่น ๆ (Pool Gas ส่วนเหลือ) ในราคา 542 บาทต่อล้านบีทียู

2.ให้ กฟผ.ปรับสมมุติฐานราคาเชื้อเพลิงตามแนวทางการบริหารเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าของกระทรวงพลังงานและมติ กพช. โดยปรับการคำนวณ Ft ใหม่ โดยใช้ก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทย ในราคา 238 บาทต่อล้านบีทียูทดแทนราคาก๊าซธรรมชาติเดิมสำหรับการคิดค่า Ft ในกลุ่มบ้านอยู่อาศัย และใช้ราคาก๊าซธรรมชาติส่วนที่เหลือ (Pool Gas ส่วนเหลือ) ในราคา 542 บาทต่อล้านบีทียู ทดแทนราคาก๊าซธรรมชาติเดิมสำหรับสำหรับการคิดค่า Ft ให้ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่น ๆ

3.กกพ.พิจารณาภาระการเงินและภาระหนี้สินสะสมของ กฟผ. ให้มีการทยอยจ่ายคืนหนี้ Ft คงค้างเพื่อไม่ให้เป็นภาระปัญหาสภาพคล่องของ กฟผ. และไม่เกิดภาระต่อผู้ใช้ไฟฟ้ามากเกินไป โดย กฟผ.ขอเสนอให้เฉลี่ยยอดหนี้ ณ เดือนสิงหาคม 2565 จำนวน 122,257 ล้านบาท โดยเฉลี่ยการเรียกเก็บไปเป็นเวลา 2 ปี