
ปิยะดิษฐ์ CEO CIVIL เข้าร่วมประชุมสมาพันธ์ผู้ประกอบการก่อสร้างภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิกฝั่งตะวันตก (IFAWPCA) ครั้งที่ 47 ณ ประเทศสิงคโปร์ นำเสนอศักยภาพโครงการก่อสร้างไทยสู่สายตานานาชาติ ผลักดันแนวคิดจัดตั้งองค์กรตามกฎหมาย ยกระดับขีดความสามารถสู่ระดับสากล
นายปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ CIVIL ผู้นำบริษัทก่อสร้างครบวงจรชั้นนำของไทย และอุปนายกสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
เปิดเผยว่า ในฐานะ Chief Delegate ตัวแทนจากประเทศไทย ได้เข้าร่วมประชุมสมาพันธ์ผู้ประกอบการก่อสร้างภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกฝั่งตะวันตก (IFAWPCA) ครั้งที่ 47 ณ Sands Expo & Convention Centre ประเทศสิงคโปร์
โดยการประชุม IFAWPCA มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดี และความร่วมมือในระดับนานาชาติระหว่างผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญสู่การพัฒนาอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนของภาคก่อสร้างในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
ในฐานะ Chief Delegate ได้ร่วมถ่ายทอดภาพรวมความก้าวหน้าและแนวโน้มการลงทุนด้านงานก่อสร้างของประเทศไทย อาทิ โครงการรถไฟความเร็วสูง การลงทุนด้านเทคโนโลยีจากพันธมิตรระดับโลก อาทิ Google และ AWS ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและความน่าสนใจของโครงการไทยในสายตาต่างชาติ
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมก่อสร้างนับเป็นหนึ่งในภาคเศรษฐกิจหลักที่มีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ มีสัดส่วน 8-9% ของ GDP การยกระดับศักยภาพของภาคก่อสร้างให้มีความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ และเติบโตอย่างยั่งยืน จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
และยังเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยสามารถขยายสู่ตลาดก่อสร้างในต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอีกด้วย
จากการหารือและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับประเทศสมาชิก พบว่ามีประเด็นสำคัญที่ควรผลักดันอย่างเร่งด่วน คือ ความจำเป็นในการจัดตั้งองค์กรตามกฎหมาย ซึ่งดำเนินงานภายใต้ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน
เพื่อทำหน้าที่กำกับดูแล พัฒนา และส่งเสริมอุตสาหกรรมก่อสร้างของประเทศไทยอย่างเป็นระบบ เพื่อก้าวสู่การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับสากลอย่างยั่งยืน โดยมีบทบาทและหน้าที่หลัก 6 ด้าน
ได้แก่ 1.การขึ้นทะเบียนและรับรองมาตรฐาน โดยขึ้นทะเบียนผู้รับเหมา บุคลากรในงานก่อสร้าง หัวหน้าควบคุมงาน ช่างฝีมือ รวมถึงวัสดุก่อสร้างทั้งหมด พร้อมรับรองและออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ประกอบวิชาชีพและผู้รับเหมาเพื่อสร้างมาตรฐานในอุตสาหกรรม
2.การพัฒนาอุตสาหกรรม โดยจัดทำและขับเคลื่อนแผนพัฒนาอุตสาหกรรมก่อสร้างอย่างเป็นระบบ ส่งเสริมการนำแนวปฏิบัติที่ดี เทคโนโลยีใหม่ และการเพิ่มผลิตภาพมาปรับใช้ในภาคอุตสาหกรรม
3.มาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัย กำหนดและบังคับใช้มาตรฐานด้านคุณภาพ ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม (QSHE) พัฒนาและดูแลมาตรฐานอุตสาหกรรมก่อสร้าง (CIS) เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน
4.การพัฒนาทักษะและศักยภาพบุคลากร จัดอบรมและพัฒนาทักษะของแรงงานและบุคลากรในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ร่วมมือกับสถาบันการศึกษาและภาคอุตสาหกรรมในการพัฒนาบุคลากรคุณภาพที่มีความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
5.การวิจัยและให้คำแนะนำเชิงนโยบาย โดยดำเนินการวิจัยและศึกษาข้อมูลอุตสาหกรรม เพื่อสนับสนุนการกำหนดนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ พร้อมทำหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่ภาครัฐในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน กฎระเบียบ และแนวโน้มในอนาคต
6.ความยั่งยืนและการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ โดยส่งเสริมการนำแนวคิดก่อสร้างสีเขียว วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้ในงานก่อสร้าง
และขับเคลื่อนการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในงานก่อสร้าง เช่น Building Information Modeling (BIM), Industrialized Building System (IBS) และนวัตกรรมอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความโปร่งใส ประสิทธิภาพ และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
โดยมีหน่วยงานที่ประสบความสำเร็จที่ได้ดำเนินการแล้วในประเทศสิงคโปร์และมาเลเซีย ที่พร้อมจะเข้ามาช่วยแนะนำ และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกได้จริง
นายปิยะดิษฐ์กล่าวว่า ประเทศไทยมีกำหนดเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม IFAWPCA ครั้งที่ 48 ในเดือนพฤศจิกายน 2569 โดยจะจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ที่กรุงเทพมหานคร คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมจากประเทศสมาชิกกว่า 600 คน
นับเป็นโอกาสสำคัญในการแสดงศักยภาพของอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย พร้อมเปิดเวทีให้หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ และนวัตกรรมจากโครงการก่อสร้างที่หลากหลาย
อีกทั้งยังเป็นพื้นที่สำคัญในการสร้างความร่วมมือระดับภูมิภาค เสริมสร้างเครือข่ายธุรกิจ และร่วมกันยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมก่อสร้างในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกให้เติบโตไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน