ศุภาลัย เกมโหดหลังแผ่นดินไหว เปิดคอนโดใหม่ ราคา 5.5 หมื่น/ตรม.

ศุภาลัย เปิดขายคอนโดหลังแผ่นดินไหว ออกแบบเป็นตึกเตี้ย กดราคา 1.44 ล้านบาท

2 เดือนเศษหลังแผ่นดินไหว ศุภาลัย ส่งคอนโดฯ ใหม่ “ศุภาลัย เซนส์ แจ้งวัฒนะ-หลักสี่” ดีไซน์โลว์ไรส์ 8 ชั้น ใกล้รถไฟฟ้า 2 สาย สีชมพู สถานีโทรคมนาคมแห่งชาติ 490 เมตร สายสีแดง สถานีหลักสี่ 390 เมตร 328 ห้อง พื้นที่ใช้สอย 26-56 ตรม. เคาะเริ่ม 5.5 หมื่น/ตรม. เทียบราคาตลาดอยู่ที่ 6-7.1 หมื่น/ตรม.

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า คอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ “Sense” ถือเป็นแบรนด์น้องใหม่ที่มาแรงอย่างต่อเนื่องของศุภาลัย โดยก่อนหน้านี้ได้เปิดตัวในทำเลศักยภาพทั้งในกรุงเทพฯ และภูเก็ต ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า

ด้วยจุดเด่นการออกแบบคอนโดมิเนียม Low Rise (สูง 8 ชั้น หรือคอนโดฯ ตึกเตี้ย) มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนเมืองรุ่นใหม่ ในราคาไม่เกิน 4 ล้านบาท พร้อมฟังก์ชันของห้องที่ตอบโจทย์การใช้งานจริงของผู้อยู่อาศัย

ล่าสุด ศุภาลัยมีความมั่นใจเดินหน้าส่งแบรนด์ Sense บุกทำเลศักยภาพ “แจ้งวัฒนะ-หลักสี่” ซึ่งกำลังกลายเป็นศูนย์กลางเมืองใหม่ (New Urban Hub) ของโซนกรุงเทพฯ ตะวันตก มีความโดดเด่นใกล้รถไฟฟ้า 2 สาย (สีชมพูและสีแดง) ถนนสายหลัก และทางด่วน

อีกทั้งด้านเศรษฐกิจ รายล้อมด้วยแหล่งงานขนาดใหญ่ เช่น ศูนย์ราชการ อิมแพ็ค เมืองทองธานี และสนามบินดอนเมือง รวมทั้งแผนการพัฒนาในเชิงเมืองในระยะยาว ทั้งการผลักดัน Smart City และการลงทุนด้านเทคโนโลยีของภาครัฐและเอกชน

ตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เริ่มต้นชีวิตทำงาน (First Jobber) และคนทำงานราชการ ที่ต้องการที่อยู่อาศัยคุณภาพ บนทำเลที่ให้ความคุ้มค่าสูง ในราคาเริ่มต้นเพียง 55,000 บาท/ตารางเมตร ซึ่งถือเป็นราคาที่สามารถเข้าถึงได้

นอกจากนี้ บริษัทให้ความมั่นใจในมาตรฐานการก่อสร้าง ตัวอาคารได้รับการออกแบบให้รองรับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวตามกฎหมายใหม่ (กฎกระทรวงฯ ปี 2564) และเป็นไปตามมาตรฐานด้านวิศวกรรม (มยผ.1301/1302) ของกรมโยธาธิการและผังเมือง พร้อมรับประกันโครงสร้างนาน 10 ปี และส่วนควบ 3 ปี

ADVERTISMENT

รายละเอียด ศุภาลัย เซนส์ แจ้งวัฒนะ-หลักสี่ คอนโดมิเนียม Low Rise สูง 8 ชั้น 2 อาคาร (ไม่รวมดาดฟ้า) บนพื้นที่กว่า 2 ไร่ จำนวน 328 ยูนิต ตอบโจทย์การใช้ชีวิตด้วยรูปแบบห้องหลากหลาย 1-2 ห้องนอน ขนาด 26-56.5 ตารางเมตร

ตอบโจทย์การพักผ่อนในทุกการอยู่อาศัย อาทิ Lobby, Co-working Space, Relaxing Area, Roof Garden, Sunset Bar, Sky Walk, สระว่ายน้ำระบบเกลือ และ Fitness มั่นใจด้วยระบบความปลอดภัยด้วย Digital Door Lock, Touchless Face Scan ตลอดจนระบบรักษาความปลอดภัย และ CCTV ตลอด 24 ชั่วโมง

เดินทางสะดวกสบาย เชื่อมต่อเมือง ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีโทรคมนาคมแห่งชาติ และสายสีแดง สถานีหลักสี่ เชื่อมต่อถนนสายหลัก อาทิ ถนนแจ้งวัฒนะ ถนนวิภาวดีรังสิต และจุดขึ้น-ลงดอนเมืองโทลล์เวย์ ในราคาเริ่มต้น 1.44 ล้านบาท รูปแบบห้องชุดพร้อมเฟอร์นิเจอร์ครบชุด

โครงการนี้เตรียมจัดอีเวนต์เปิดพรีเซลส์ วันที่ 28-29 มิถุนายน 2568 นี้ และสามารถชมห้องตัวอย่างได้แล้ว ณ สำนักงานขายโครงการ (อาคาร ณ นคร) ติดรถไฟฟ้า MRT สถานีโทรคมนาคมแห่งชาติ ทางออก 2 ตามแผนอยู่ระหว่างรออนุมัติรานงานสิ่งแวดล้อม (EIA)

คาดว่าเริ่มก่อสร้างได้ปี 2569 ใช้เวลาก่อสร้าง 18 เดือน คาดว่าสร้างเสร็จและส่งมอบได้ในปี 2570

“คอนโดมิเนียมเป็นเกมยาว เพราะต้องใช้เวลาก่อสร้างนานกว่าโครงการบ้านจัดสรร ดังนั้น ซื้อขายวันนี้แต่ไม่ได้โอนในปี 2568 เมื่อถึงตอนนั้นก็คาดหวังว่าภาวะเศรษฐกิจจะมีข่าวดีและมีการฟื้นตัวอย่างชัดเจน”

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สถิติคอนโดฯ โซนแจ้งวัฒนะ และหลักสี่ ในตลาดเซกเมนต์เดียวกัน (เซกเมนต์ Affordable) พบว่า มีโครงการคู่แข่งขันที่เป็นบริษัทรายกลาง-รายเล็ก ราคาขายเฉลี่ยตารางเมตรละ 6-7.8 หมื่นบาท ขณะที่คู่แข่งที่เป็นบิ๊กแบรนด์อสังหาฯ มีราคาขาย 6.7-7.1 หมื่นบาท/ตารางเมตร

นายชัยจักร วทัญญู ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายสร้างสรรค์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า แบรนด์ ‘Sense’ ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ด้วยจุดขายและดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จนกลายเป็นคอนโดมิเนียมสไตล์กึ่ง Boutique ที่แตกต่างและโดดเด่น

โดย “ศุภาลัย เซนส์ แจ้งวัฒนะ-หลักสี่” นำจุดแข็งของแบรนด์มาถ่ายทอดผ่านแนวคิดการออกแบบ “Nature x Tales on Canvas” ที่ผสานธรรมชาติเข้ากับเรื่องราวของผู้คน ผ่านการจัดวางพื้นที่อย่างลงตัว ด้วยความเชื่อว่าธรรมชาติช่วยสร้างความสงบและสมดุลในชีวิต

โครงการจึงเลือกใช้โทนสีอบอุ่นในกลุ่มเอิร์ธโทน เช่น สีดิน สีทราย สีน้ำตาล และสีเขียวธรรมชาติ เพื่อให้บรรยากาศภายในและภายนอกอาคารดูผ่อนคลาย และใกล้ชิดธรรมชาติมากยิ่งขึ้น ด้วยพื้นที่สีเขียวถูกจัดวางอย่างลงตัว

การวางผังอาคารรูป C เปิดรับลมธรรมชาติ แสงแดด เพื่อระบายอากาศและประหยัดพลังงานในทุกตำแหน่งห้องพัก อีกทั้งห้องพักยังถูกออกแบบพื้นที่รองรับไลฟ์สไตล์ตามความต้องการ Multi-Function Living มากถึง 14 แบบ

อาทิ ห้องแบบ Open Plan โปร่งโล่ง เชื่อมต่อทุกพื้นที่ ห้องพักมีครัวปิด-ครัวเปิด ห้องพักมีมุมอเนกประสงค์ “Me Corner”

พร้อมกันนี้ โครงการยังเติมเต็มคุณภาพชีวิตด้วยฟังก์ชันในพื้นที่ส่วนกลาง อาทิ Delivery Drop-off, Food Drop, Common Corner, Co-Working Space และ EV Charger สะดวกยิ่งขึ้นด้วยที่จอดรถรองรับได้มากถึง 40% ของจำนวนยูนิต