เปิดไซต์โครงการขยายสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 เงินลงทุนกว่า 5.1 หมื่นล้าน สร้าง 2 ปีคืบหน้า 41% อิตาเลียนไทยฯเจองานหิน ดีเลย์ 6 เดือน ถูกปรับ 2 เด้ง วันละ 11 ล้าน ร่วม 3 พันล้าน กระทบชิ่งอาคารเทียบเครื่องบินเสร็จไม่ทันปีนี้ ลุยประมูล 3 สัญญา ทอท.ย้ำหมุดทุกโปรเจ็กต์ต้องเสร็จตามเป้า เม.ย. 63
แหล่งข่าวจากบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กำลังเร่งแผนงานก่อสร้างขยายสนามบินสุวรรณภูมิระยะที่ 2 เงินลงทุนรวม 51,862 ล้านบาท ให้แล้วเสร็จตามแผนในเดือน เม.ย. 2563 ปัจจุบันภาพรวมทั้งโครงการมีความคืบหน้าแล้ว 41.10% เมื่อแล้วเสร็จจะเพิ่มขีดความสามารถให้สนามบินสุวรรณภูมิรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็น 60 ล้านคนต่อปี และรองรับเครื่องบินได้ 68 เที่ยวบินต่อชั่วโมง
- เปิดคำทำนาย “นางมโหธรเทวี” นางสงกรานต์ ปี 2567 ฝนตกในโลกมนุษย์ 30 ห่า
- ไขปม Taobao Thailand เป็นใคร ทำอะไร
- สรุปวิธีใช้เงินดิจิทัล และเงินสด 10,000 บาท ใครขึ้นเงินสดได้บ้าง
ITD สร้างช้ากว่าแผน
อย่างไรก็ตาม จากการติดตามความก้าวหน้างานก่อสร้างพบว่า งานก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินหลังที่ 1 (ชั้น B2 ชั้น B1 และชั้น G) ลานจอดอากาศยานประชิดอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 และส่วนต่อเชื่อมอุโมงค์ด้านทิศใต้ (งานโครงสร้างและงานระบบหลัก) ที่ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ เป็นผู้รับเหมางานก่อสร้าง วงเงิน 12,050 ล้านบาท ไม่สามารถสร้างเสร็จตามสัญญาที่สิ้นสุดเมื่อเดือน พ.ย. 2561 อยู่ระหว่างเร่งรัดให้เสร็จภายในเดือน พ.ค. 2562
เนื่องจากปัจจุบันส่งผลกระทบต่องานก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 ของกลุ่ม PCS จอยต์เวนเจอร์ (เพาเวอร์ไลน์ฯ-ไชน่าสเตทฯ) ต้องขยับจากสัญญาจะต้องเสร็จในเดือน พ.ย. 2562 เป็นวันที่ 18 เม.ย. 2563
ถูกปรับ 2 เด้งร่วม 3 พันล้าน
“ตอนนี้ปรับอิตาเลียนไทยฯอัตรา 0.01% ของมูลค่างานตามสัญญา โดยหักจากกระแสเงินสดที่จ่ายเป็นงานก่อสร้างที่จ่ายตามงวดงาน หลังทำงานล่าช้าใน 2 กรณี คือ 1.ปรับที่ทำงานไม่เสร็จตามสัญญา วันละ 11 ล้านบาท เฉลี่ยเดือนละ 330 ล้านบาท ถึงปัจจุบันคิดเป็นเงินประมาณ 600 ล้านบาท แต่ถ้างานก่อสร้างยาวไปถึงเดือน พ.ค. รวม 6 เดือนค่าปรับจะเพิ่มเป็นกว่า 2,000 ล้านบาท และ 2.ปรับที่ส่งมอบงานก่อสร้างชั้น G ให้ไม่ทันในเดือน เม.ย. แต่ส่งมอบเดือน ส.ค. 2561 ถูกปรับไป 800 ล้านบาท”
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ทั้งนี้ อิตาเลียนไทยฯได้ขอขยายเวลาก่อสร้าง โดยให้เหตุผลว่างานล่าช้ามาจากหลายสาเหตุ เช่น สภาพดินฟ้าอากาศ แรงงานขาด ความยากของแบบก่อสร้างเนื่องจากเป็นงานก่อสร้างระบบโครงสร้างใต้ดิน แต่ ทอท.ยังไม่รับพิจารณา เนื่องจากงานก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ และการพิจารณาจะต้องผ่านคณะกรรมการตรวจรับงานและฝ่ายกฎหมาย รวมถึงสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่จะต้องตรวจสอบด้วย หากขยายเวลาให้จะต้องมีเหตุผลที่ชัดเจน
“หากอิตาเลียนไทยฯไม่พอใจก็สามารถยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อขอคืนเงินค่าปรับได้ เนื่องจากงานก่อสร้างถือว่าเป็นงานรับเหมาทั้งที่เป็นงานก่อสร้างยากและง่ายไปแล้ว ผู้รับเหมาจะต้องดำเนินการให้เสร็จตามสัญญา”
เปิดความก้าวหน้ารายแผนงาน
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า สำหรับความคืบหน้าสุวรรณภูมิ เฟส 2 ประกอบด้วย 1.อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (ชั้นใต้ดิน) ลานจอดอากาศยานประชิดอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 และส่วนต่อเชื่อมอุโมงค์ด้านทิศใต้ 12,050 ล้านบาท เริ่มงานวันที่ 14 ก.ย. 2559 มีความคืบหน้า 93.40% ยังเหลือเก็บความเรียบร้อยงานระบบ เมื่อเสร็จจะมี 28 หลุมจอด พื้นที่ลานจอด 250,000 ตร.ม. รองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ A380 ได้พร้อมกัน 8 ลำ และอื่น ๆ อีก 20 ลำในเวลาเดียวกัน
2.อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (ชั้น 2-4) และระบบย่อยส่วนต่อเชื่อมอุโมงค์ด้านทิศใต้ 14,235 ล้านบาท เริ่มงานวันที่ 7 ก.พ. 2561 คืบหน้า 12.92% ล่าช้าจากแผนเล็กน้อย ตามสัญญาจะแล้วเสร็จวันที่ 29 พ.ย. 2562 อาจจะเลื่อนเป็นปี 2563 เป็นอาคาร 4 ชั้น มีพื้นที่ใช้สอย 216,000 ตร.ม. และร้านค้า 20,000 ตร.ม.
3.อาคารสำนักงานสายการบินและที่จอดรถด้านทิศตะวันออก วงเงิน 970 ล้านบาท อยู่ระหว่างออกประกาศทีโออาร์ประมูล จะเริ่มก่อสร้างในเดือน พ.ค.นี้ ตามแผนจะเสร็จในเดือน พ.ย. 2563
รอเคาะอาคารฝั่งตะวันออก
4.ส่วนขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันตกกว่า 6,000 ล้านบาท รอการอนุมัติจากกระทรวงคมนาคม สภาพัฒน์ และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพราะขอย้ายตำแหน่งจากฝั่งตะวันออกมาเป็นฝั่งตะวันตกแทน คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในเดือน พ.ย.นี้ ตามแผนจะแล้วเสร็จในปี 2565
5.ระบบสาธารณูปโภค 1,980 ล้านบาทของกลุ่มเอสจี แอนด์ อินเตอร์ลิ้งค์ เริ่มงานวันที่ 14 ก.ย. 2559 คืบหน้า 53.51% จะแล้วเสร็จวันที่ 31 พ.ค. 2562
6.ติดตั้งระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (APM) 2,999 ล้านบาท ของกลุ่มนิติบุคคลร่วมทำงานไออาร์ทีวี เริ่มงานวันที่ 20 พ.ย. 2560 อยู่ระหว่างดำเนินการผลิต คืบหน้าแล้ว 2.94% จะเสร็จวันที่ 7 เม.ย. 2563 จะมีรถบริการ 6 ขบวน ขบวนละ 2 ตู้ รวม 12 ตู้ วิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 80 กม./ชม. รับส่งผู้โดยสารอาคารเทียบเครื่องบินหลังที่ 1 กับอาคารผู้โดยสารปัจจุบัน รับผู้โดยสารได้ 210 คนต่อขบวน หรือ 6,000 คนต่อชั่วโมง
งานสายพานกระเป๋าคืบ 4.15%
7.ติดตั้งระบบสายพานลำเลียงกระเป๋า และระบบตรวจจับวัตถุระเบิดขาออก 3,646 ล้านบาท ของกลุ่มนิติบุคคลร่วมทำงานล็อกซเล่ย์-แอลพีเอส เริ่มงานวันที่ 9 ก.พ. 2561 คืบหน้าแล้ว 4.15% จะเสร็จวันที่ 28 เม.ย. 2563 และ 8.ติดตั้งระบบสายพานลำเลียงกระเป๋า และระบบตรวจจับวัตถุระเบิดขาเข้า วงเงิน 2,800 ล้านบาท ภายในเดือน มี.ค.นี้จะขออนุมัติจากคณะกรรมการ (บอร์ด) เพื่อเปิดประมูล ตามแผนจะเสร็จในเดือน ก.พ. 2564