สแกน 5 กฎเหล็ก เดินทางทางน้ำรับ “ภูเก็ตแซนบ็อกซ์” 1 ก.ค. 64

ท่าเรือภูเก็ต
Credit ภาพ : ศูนย์ข้อมูลโควิด-19 ภูเก็ต

“อธิรัฐ”สั่ง”เจ้าท่า”ออก 5 กฎเหล็กคุมเข้มเดินทางทางน้ำรับ”ภูเก็ตแซนบ็อกซ์” 1 ก.ค.นี้ ชี้ฉีดแอสตร้า 1 เข็มก็เข้าได้ ส่วนชนิดอื่นต้อง 2 เข็ม ส่วนผู้ที่เคยเป็นโควิดต้องหายก่อนเข้าเมือง 90 วัน และต้องมีผลตรวจโควิดไม่เกิน 7 วันจึงจะเข้าได้ด้วย

วันที่ 27 มิถุนายน 2564 นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตามที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้เปิดพื้นที่นำร่องรับนักท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตเพื่อเป็นต้นแบบขยายไปสู่เมืองท่องเที่ยวอื่นๆ

เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมและสร้างความมั่นใจในการเดินทางท่องเที่ยว โดยเฉพาะการท่องเที่ยวทางน้ำเพราะจังหวัดภูเก็ตมีแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่สำคัญและมีชื่อเสียงในระดับโลก จึงได้สั่งการให้กรมเจ้าท่า (จท.) ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลภาคการคมนาคมทางน้ำเร่งจัดทำแผนการเตรียมความพร้อมเปิดพื้นที่รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ (Phuket Sandbox) ของจังหวัดภูเก็ตในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ในการกำหนดมาตรการตรวจคัดกรองการเดินทางเข้า-ออกทางน้ำโดยบูรณาการร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใต้มาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ดังต่อไปนี้

3 จุดตรวจทางน้ำ

1. กำหนดให้ท่าเทียบเรือโดยสาร จำนวน 3 ท่า เป็นด่านตรวจทางน้ำ ได้แก่
1) ท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง ตำบลฉลอง อำเภอเมืองภูเก็ต
2) ท่าเทียบเรือรัษฎา ตำบลรัษฎา อำเภอเมืองภูเก็ต
3) ท่าเทียบเรืออ่าวปอ ตำบลป่าคลอก อำเภอถลาง

2. ผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ และพำนักอยู่ในจังหวัดภูเก็ตตามกำหนด
14 คืน ที่ประสงค์จะเดินทางออกจากจังหวัดภูเก็ตทางเรือ ให้เดินทางผ่านท่าเรือที่กำหนดเป็นด่านตรวจทางน้ำเท่านั้น แต่ในกรณีเดินทางโดยเรือยอร์ชให้เดินทางออกจากท่าเรือที่กำหนด ดังนี้
1) ท่าเทียบเรือยอร์ช เฮเว่น มารีน่า
2) ท่าเทียบเรืออ่าวปอ แกรนด์ มารีน่า
3) ท่าเทียบเรือภูเก็ต โบ๊ทลากูน
4) ท่าเทียบเรือรอยัล ภูเก็ต มารีน่า
5) ท่าเทียบเรือมารีน่าอ่าวฉลอง

โดยต้องแจ้งสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต หรือศูนย์ปฏิบัติการติดตามและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว จังหวัดภูเก็ต (ศปก.Phuket Sandbox) ก่อนออกเดินทางไม่น้อยกว่า 6 ชม.

3. ผู้เดินทางมาจากต่างประเทศที่ประสงค์จะเดินทางท่องเที่ยวในน่านน้ำจังหวัดภูเก็ตให้เดินทางผ่านเฉพาะท่าเรือที่กำหนด และต้องปฏิบัติดังนี้
3.1 ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
3.2 ติดตั้งระบบ Tracing Application “Morchana” บนสมาร์ทโฟนและอนุญาตให้เข้าถึงตำแหน่ง (Share Location)
3.3 เรือโดยสารจะต้องติดตั้งระบบแสดงตนอัตโนมัติตามระเบียบของกรมเจ้าท่า และติดตั้งวิทยุสื่อสาร VHF
3.4 เจ้าของเรือหรือผู้ควบคุมเรือหรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องแจ้งเรือเข้า-ออกท่าเรือเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบก่อนปล่อยเรือออกจากท่าหรือเมื่อเรือเข้าเทียบท่าเสร็จเรียบร้อย
3.5 ให้ผู้ประกอบการท่าเรือหรือผู้บริหารท่าเรือ สรุปรายงานข้อมูลเรือและข้อมูลผู้โดยสารเข้า-ออกทุกวันให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ

ฉีดแอสตร้า 1 เข็ม-มีผลตรวจไม่เกิน 7 วันเข้าได้

4. คนไทยจากต่างจังหวัด หรือคนต่างชาติที่พำนักในประเทศไทยที่ประสงค์เดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ตผ่านช่องทางทางน้ำ(ท่าเรือ) ทุกท่าในจังหวัดภูเก็ต ให้ผู้เดินทางยกเว้นเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ต้องมีคุณสมบัติอย่างหนึ่งอย่างใด และต้องปฏิบัติ ดังต่อไปนี้
4.1 ต้องเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบ 2 เข็ม หรือครบโดสตามจำนวนวัคซีนแต่ละชนิด หรือได้รับวัคซีนชนิด AstraZeneca จำนวน 1 เข็ม มาแล้วเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 15 วัน หรือ
4.2 เป็นผู้ที่หายจากอาการป่วยด้วยโรคโควิด-19 มาแล้วไม่เกิน 90 วัน หรือ
4.3 ได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธีการ RT – PCR หรือวิธีการ Antigen Test ไม่เกิน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับการตรวจ
4.4 ต้องดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชัน “หมอชนะ” บนสมาร์ทโฟน และยินยอมเปิดแชร์ตำแหน่งที่ตั้ง (Location) ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในจังหวัดภูเก็ต

เข้มมาตรการสาธารณสุข
5. ให้ผู้ประกอบการท่าเรือ นายเรือ ผู้ควบคุมเรือ คนประจำเรือ ลูกเรือ พนักงานในเรือและผู้โดยสารต้องปฏิบัติตามประกาศของกรมเจ้าท่าเรื่องมาตรการควบคุมควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ได้แก่

5.1 ผู้ประกอบการเรือ เจ้าของเรือ นายเรือ และผู้ควบคุมเรือปฏิบัติ ดังนี้
1) ต้องทำความสะอาดตัวเรือด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคเป็นประจำทุกครั้งที่ให้บริการเรียบร้อยแล้ว
2) จัดวางแอลกอฮอล์หรือเจลล้างมือไว้บนเรือ
3) นายเรือและผู้ควบคุมเรือต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือสวมหน้ากากผ้าตลอดเวลาขณะปฏิบัติหน้าที่
4) ต้องควบคุมและกำกับให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่บนเรือและผู้โดยสารสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกคน
5) กำหนดให้มีการจัดที่นั่งหรือที่ยืน เว้นระยะนั่งหรือยืนห่างกันอย่างน้อยหนึ่งเมตรเพื่อป้องกันการติดต่อสัมผัสหรือแพร่เชื้อโรคทางฝอยละอองน้ำลาย
6) ควบคุมจำนวนผู้โดยสารให้บรรทุกผู้โดยสารไม่เกินจำนวนตามที่ใบอนุญาตใช้เรือกำหนด
7) กรณีที่มีการใช้เครื่องปรับอากาศในเรือโดยสารต้องมีระบบระบายอากาศที่เหมาะสมและต้องมีการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค

5.2 ให้ผู้ประกอบการท่าเรือ ปฏิบัติดังนี้
1) ทำความสะอาดท่าเรือด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคเป็นประจำทุกวัน
2) จัดวางแอลกอฮอส์หรือเจลล้างมือประจำบนท่าเรือ
3) ให้พนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำท่าเรือสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกคน
4) นั่งหรือยืนห่างกันอย่างน้อยหนึ่งเมตรเพื่อป้องกันการติตต่อสัมผัสหรือแพร่เชื้อโรคทางฝอยละอองน้ำลาย
5) ให้คัดกรอง (วัดอุณหภูมิ) คนประจำเรือ และผู้โดยสาร หากพบผู้ที่มีไข้สูงเกิน 37.5 องศาเซลเซียส หรือมีอาการผิดปกติทางเดินหายใจ ให้ติดต่อแจ้งสายด่วน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขทางโทรศัพท์หมายเลข 1422

5.3 ให้ผู้โดยสารปฏิบัติ ดังนี้
1) สวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกคน
2) ให้ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ หรือเจลล้างมือ
3) นั่งหรือยืนห่างกันอย่างน้อยหนึ่งเมตรเพื่อป้องกันการติดต่อสัมผัส หรือแพร่เชื้อโรคทางฝอยละอองน้ำลาย
4) เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร ให้ผู้โดยสารปฏิบัติตามคำแนะนำของนายเรือหรือผู้ควบคุมเรือ เจ้าหน้าที่ของรัฐ และพนักงานของผู้ประกอบการเรือ

ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนปฏิบัติงานด้วยความเข้มงวดมากกว่าในสถานการณ์ปกติ เพื่อให้ผู้ที่เดินทางมาท่องเที่ยวได้รับความปลอดภัยสูงสุด รวมทั้งให้ใส่ใจในการดูแลเพื่อให้เกิดความประทับใจในการต้อนรับที่ดีของประเทศไทย