บรรยง ชี้ 5 เหตุผล หนุนเลิกขบวนแห่เชิญพระเกี้ยว ตามมติ อบจ.

บรรยงชี้ 5 เหตุผล ควรยกเลิกขบวนแห่เชิญพระเกี้ยว

“บรรยง พงษ์พานิช” แสดงความเห็นกรณี อบจ.ยกเลิกกิจกรรมขบวนอัญเชิญพระเกี้ยว แนะ เคารพผลโหวต หนุนยกเลิก SOTUS ถามกลับ เอาพระเกี้ยวมาแห่ร่วมขบวนล้อเลียนการเมือง สมควรหรือไม่?

วันที่ 25 ตุลาคม 2564 กรณี องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อบจ.) ออกแถลงการณ์ ประกาศยกเลิกกิจกรรมขบวนอัญเชิญพระเกี้ยวในงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ โดยให้เหตุผลว่า เพื่อยุติการผลิตซ้ำธรรมเนียมปฏิบัติ ที่สะท้อนถึงความไม่เท่าเทียม มิให้คงอยู่ในสถาบันการศึกษาอีกต่อไป และแถลงการณ์ลงท้ายด้วยข้อความที่ว่า “ให้คนเท่ากัน”

ล่าสุด นายบรรยง พงษ์พานิช อดีตกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ นักธุรกิจและนักการธนาคารชื่อดัง อดีตศิษยเก่าคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ แสดงความเห็นต่อเรื่องดังกล่าว ผ่านบทความที่ขึ้นต้นด้วยประโยคที่ว่า วิวาทะเรื่องเชิญพระเกี้ยว

ในฐานะนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผมขอประกาศสนับสนุนมติของ อบจ.ในเรื่องยกเลิกขบวนแห่เชิญพระเกี้ยวในงานฟุตบอลประเพณี ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ครับ

1.ในเมื่อเป็นมติของคณะกรรมการที่มาจากการเลือกตั้งของนิสิตทั้งมวล แถมเป็น มติเอกฉันท์ 29 ต่อ 0 เราก็ควรที่จะยอมรับ ถ้าในอนาคตมีมติเปลี่ยนแปลงให้กลับมาแห่เหมือนเดิม เราก็ควรยอมรับอีก ตามรากฐานประชาธิปไตย

2.การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องธรรมดา เราเรียกร้องให้ประเทศพัฒนาสู่ 4.0 ขณะที่อ้างตัวเป็นสถาบันหลักแต่จะขอหยุดอยู่ที่ 2.0 ย่อมไม่เป็นตัวอย่างที่ดี …จริง ๆ การเปลี่ยนแปลงเชิงสัญลักษณ์ของจุฬาฯเองก็มีมาหลายครั้งแล้ว อย่างตอนที่ผมเป็นนิสิตเมื่อห้าสิบปีก่อน เรายังใช้ชื่อว่า “จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย”อยู่เลย (ไม่มีการันต์เหนือ ณเณร) ซึ่งถ้าจะอ่าน ให้ถูกหลักภาษาไทยก็ต้องอ่านว่า “ลงกะระนะ” หรือ “ลงกรน”

แต่เราก็ทู่ซี้ใช้มาอย่างนั้น จนมีการเปลี่ยนในภายหลังซึ่งก็คงมีคนคัดค้านไม่น้อยแหละครับ แต่ผมก็เห็นด้วย หรือ อบจ. ในสมัยผม เขาก็เรียกว่า สจม.นิสิตก็เข้าใจกันดี หรือแม้คำว่านิสิต เขาว่าใช้สำหรับมหาวิทยาลัยที่มีหอพัก แต่พอธรรมศาสตร์มีหอพักที่รังสิตก็ไม่เห็นต้องเปลี่ยนจากนักศึกษาไปเป็นนิสิตเลย (อันนี้บางคนก็อาจเอามาเถียงว่านี่ไง ไม่ต้องเปลี่ยนธรรมเนียมเก่าแก่…ซึ่งผมก็จะเถียงว่า ก็ถ้า อมธ. เขามีมติให้เปลี่ยนก็เปลี่ยนสิครับ)

3.ความจริงระบบ SOTUS ของจุฬาฯก็น่าจะเลิกได้แล้ว เพราะมันย่อมาจาก Seniority Order Tradition Unity Spirit ซึ่งพอเวลาเปลี่ยนความสำคัญก็เปลี่ยนไป โดยเฉพาะสามอันแรก ถ้าจะรักษาก็แค่สองอันหลังก็น่าจะพอ US ซึ่งความหมายก็ดีด้วย คือ “เรา” แต่ก็คงมีบางคนด่าอีกแหละว่า มึงจะไปตามตูดไอ้กันอีก หรือถ้าไม่ยอมเปลี่ยนก็น่าสลับความสำคัญเอา Spirit กับ Unity ขึ้นก่อน ขอเป็น SUTOS ก็ยังดี

4.กิจกรรมฟุตบอลประเพณีเป็นเพียงการแข่งกีฬา เป็นกิจกรรมของนิสิตนักศึกษา การยอมให้เอาพระเกี้ยวที่เป็นสัญลักษณ์สูงสุดของมหาวิทยาลัย ซึ่งปกติเก็บไว้อย่างเคารพ นำออกมาตั้งเฉพาะงานเสด็จพระราชทานปริญญาเท่านั้น การเอามาแห่แหนร่วมขบวนล้อเลียนการเมืองสมควรหรือไม่ (อันนี้เป็นความเห็นของนักอนุรักษ์นิยมสุด ๆ อย่างผมนะครับ)

5.ยิ่งที่เรียกร้องให้ผู้บริหารมหาวิทยาลัยลงมาก้าวก่ายจัดการเรื่องกิจกรรมนิสิตอย่างนี้ยิ่งไปกันใหญ่ครับ ไม่เข้าใจขอบเขตอำนาจและกิจกรรม หวังว่าจะไม่บ้าเรียกร้องให้รัฐบาล หรือที่หนักสุด คือเรียกร้องให้ปฏิวัติแล้วคสช.ใช้ ม.44 สั่งไม่ให้ยกเลิกขบวนเสียเลย (อันนี้ขำ ๆ นะครับ เห็นชอบซีเรียสกับเรื่องไม่เป็นเรื่องกัน)

แน่นอนครับ ทั้งห้าข้อนี้เป็นความเห็นของผม ย่อมมีผู้เห็นด้วย เห็นต่าง หรือเห็นค้านเป็นธรรมดา เชิญถกกันได้ครับ เพราะ “ความเห็นต่างสร้างโลก” มานักต่อนักแล้วครับ