Spider-Man แยกทาง Marvel เรื่องเงินทองที่ต้องเข้าใจ และไม่ดราม่า

ข่าวคราวความเคลื่อนไหววงการบันเทิงโลกในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่มีข่าวไหนใหญ่เกินข่าวการแยกทางของเจ้าแมงมุม สไปเดอร์แมน (Spider-Man) กับมาร์เวล สตูดิโอส์ (Marvel Studios) ซึ่งส่งผลสะเทือนใจแฟน ๆ สไปเดอร์แมนและสาวกจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล (MCU) ทั่วโลก

เหตุผลของการแยกทางครั้งนี้เป็นเรื่องส่วนแบ่งรายได้ที่สองยักษ์ใหญ่ตกลงกันไม่ลงตัว ระหว่าง โซนี่ ฟิล์ม สตูดิโอ ผู้ถือครองลิขสิทธิ์ตัวละครสไปเดอร์แมน และมาร์เวล สตูดิโอส์ ผู้ขอสิทธิ์ตัวละครนี้มาสร้างสรรค์ภาพยนตร์สไปเดอร์แมน และเป็นส่วนหนึ่งของ MCU ตั้งแต่ปี 2015

โดยสรุปสั้น ๆ คือ ในสัญญาความร่วมมือฉบับเดิมนั้น มาร์เวลขอเป็นผู้สร้างสรรค์ภาพยนตร์สไปเดอร์แมน โดยโซนี่เป็นผู้ออกทุนสร้าง ครองสิทธิ์จัดจำหน่ายและรายได้ ส่วนมาร์เวลได้รับส่วนแบ่ง 5% ซึ่งมาร์เวลก็ยอมรับ แลกกับการที่มาร์เวลได้ตัวละครสไปเดอร์แมนเข้ามาอยู่ใน MCU โดยไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้โซนี่

สัญญาฉบับที่ว่านี้จะสิ้นสุดลงในปีนี้แล้ว ทั้งสองบริษัทจึงเจรจาสัญญาความร่วมมือฉบับใหม่ ฝั่งดิสนีย์ บริษัทแม่ของมาร์เวลต้องการส่วนแบ่งรายได้ภาพยนตร์มากขึ้นเป็น 50% รวมถึงต้องการส่วนแบ่งจากการขายสินค้าต่าง ๆ ด้วย ทางฝั่งโซนี่ที่จะเสียรายได้มหาศาลจึงเซย์โน…แยกย้าย

ผลจากดีลที่ล่มก็คือ เมื่อไม่มีสัญญาความร่วมมือฉบับใหม่ มาร์เวลก็ไม่สามารถทำอะไรกับแคแร็กเตอร์สไปเดอร์แมนได้อีก แฟน ๆ จะไม่ได้เห็นสไปเดอร์แมนโลดแล่นใน MCU อีกต่อไป (จนกว่าจะมีข้อตกลงความร่วมมือครั้งใหม่ ซึ่งอาจจะมีหรือไม่มีก็ได้)

ตามข่าวที่ฝั่งโซนี่แถลงออกมาบอกว่า โซนี่รู้สึกผิดหวังต่อดิสนีย์ที่ต้องยุติความร่วมมือกับมาร์เวล แต่ไม่ได้โทษมาร์เวลแต่อย่างใด “เราผิดหวัง แต่เคารพการตัดสินใจของดิสนีย์ ที่จะไม่ให้เขา (เควิน ไฟกี-ประธานมาร์เวล) ดำเนินการในฐานะผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์สไปเดอร์แมนของเราต่อไป เราหวังว่าสิ่งนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต แต่ก็เข้าใจว่ามีหน้าที่ใหม่มากมายที่ดิสนีย์มอบให้เขา”

ฝั่งแฟนสไปเดอร์แมนและแฟนมาร์เวลก็เศร้าไปตาม ๆ กัน ซึ่งกระแสความรู้สึกที่แฟน ๆ มีต่อประเด็นนี้ได้แสดงออกผ่าน #SaveSpiderman และ #SaveSpidermanFromSony และหนักถึงขั้น #BoycottSony เป็นการซัพพอร์ตดิสนีย์ และบอกว่าโซนี่เป็นผู้ร้าย

The Hollywood Reporter สื่อด้านภาพยนตร์ชื่อดังในฮอลลีวูด วิเคราะห์เรื่องนี้ว่า #SaveSpiderman นั้นแสดงให้ด้านที่น่าเกลียดของ “Disney Fandom” หรือกลุ่มแฟนคลับดิสนีย์ที่เอาแต่เชียร์ดิสนีย์ และต่อว่าโซนี่เป็นผู้ร้าย โดยที่ไม่ทำความเข้าใจรายละเอียดอันยุ่งเหยิงมากมาย

THR ยกตัวอย่างเหตุผลที่ไม่เห็นด้วยกับแฟน ๆ ดิสนีย์ว่า เป็นเพราะดิสนีย์เองที่เรียกร้องส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นมากเกินไป และถ้าใครเป็นโซนี่ก็คงตัดสินใจได้ไม่ยาก ลองคิดดูว่า หากโซนี่ต้องแบ่งส่วนแบ่ง 30-50% ตามที่ดิสนีย์ต้องการ เมื่อมาคิดคำนวณดูแล้ว การที่โซนี่สร้างหนังสไปเดอร์แมนภาคต่อไปเอง ซึ่งอาจจะประสบความสำเร็จน้อยกว่า-ได้รายได้น้อยกว่าที่มาร์เวลทำเล็กน้อย ก็ยังคุ้มกว่าที่จะร่วมมือกับมาร์เวลแล้วแบ่งตามที่ดิสนีย์เรียกร้อง

อีกประเด็นหนึ่ง THR บอกว่า ที่ผ่านมาดิสนีย์ได้ผลประโยชน์มากมายจากการใช้ลิขสิทธิ์ตัวละครสไปเดอร์แมน ดิสนีย์ได้ส่วนแบ่งรายได้ภาพยนตร์สไปเดอร์แมนจากโซนี่ ขณะที่โซนี่ไม่ได้ส่วนแบ่งรายได้จากภาพยนตร์เรื่องอื่นของมาร์เวลที่มีตัวละครสไปเดอร์แมนเป็นส่วนหนึ่งในเรื่อง ประเด็นนี้สามารถคิดต่อได้อีกว่า ถ้าดิสนีย์ต้องการส่วนแบ่งมากขึ้นขนาดนั้น ก็ควรจะมีข้อตกลงจ่ายค่าลิขสิทธิ์โซนี่ด้วย สำหรับการนำตัวสไปเดอร์แมนไปอยู่ในหนังเรื่องอื่น ๆ

เรื่องมันก็ประมาณนี้… เมื่อมีเรื่องธุรกิจ-เงินทองเข้ามาเกี่ยว จึงทำให้แฟน ๆ ที่เคยบันเทิงกับสไปเดอร์แมนกลายเป็นปวดหัวกันไป เอาเป็นว่า ก่อนจะด่า ก่อนจะดราม่า #SaveSpiderman ควรทำความเข้าใจเหตุผลของทั้งสองฝั่งก่อนดีกว่า