MIDWAY อเมริกาถล่มญี่ปุ่น จุดเปลี่ยนเกมสงครามโลกครั้งที่ 2

เรื่องราวเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่อง การต่อสู้หลายสมรภูมิถูกนำเสนอตีแผ่ผ่านหูผ่านตากันไปก็เยอะแล้ว แต่มีสมรภูมิสำคัญสมรภูมิหนึ่งที่ยังไม่ถูกนำเสนอให้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย นั่นก็คือ สมรภูมิมิดเวย์ (MIDWAY)

เหตุการณ์ที่มิดเวย์เกิดขึ้น 6 เดือนให้หลังสมรภูมิเพิร์ลฮาร์เบอร์อันโด่งดัง หลังจากบุกถล่มเพิร์ลฮาร์เบอร์ย่อยยับ กองทัพญี่ปุ่นเดินหน้าเก็บชัยชนะตามหมู่เกาะต่าง ๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิก แต่ปัญหาสำคัญที่กองทัพญี่ปุ่นยังวิตกกังวลคือแสนยานุภาพของกองเรือสหรัฐ โดยเฉพาะกองเรือบรรทุกเครื่องบินที่มีโอกาสต่อต้านญี่ปุ่นได้ กองทัพญี่ปุ่นจึงวางแผนทำลายกองเรือสหรัฐให้สิ้นซาก โดยมีเป้าหมายที่หมู่เกาะมิดเวย์หรือ Midway Atoll ฐานที่มั่นสำคัญของสหรัฐในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งหากญี่ปุ่นได้ครองมิดเวย์ โอกาสที่ญี่ปุ่นจะชนะก็จะเพิ่มทวีคูณ

แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นอย่างที่ญี่ปุ่นปรารถนา มิดเวย์กลายเป็นสมรภูมิสำคัญที่ทำให้สหรัฐอเมริกาที่เป็นรองอยู่พลิกสถานการณ์เป็นเหนือกว่าญี่ปุ่นได้ และเป็นสมรภูมิที่เปลี่ยนเกมสงครามโลกครั้งที่ 2 ไปด้วย

Getty Images

เรื่องราวของสมรภูมิมิดเวย์ถูกนำมาสร้างสรรค์เป็นภาพยนตร์ “MIDWAY อเมริกาถล่มญี่ปุ่น” ซึ่งกำลังฉายอยู่ในโรงภาพยนตร์ ณ ตอนนี้ เป็นผลงานการกำกับของโรแลนด์ เอมเมอริช (Roland Emmerich) ผู้กำกับหนังฟอร์มยักษ์เจ้าของผลงานระดับบล็อกบัสเตอร์อย่าง Independence Day, The Day After Tomorrow และ 2012

MIDWAY เป็นโปรเจ็กต์ในฝันของเอมเมอริช ที่เขารอคอยมานานถึง 20 ปีที่จะเห็นมันเกิดเป็นภาพยนตร์ภายใต้การกำกับของเขา งานนี้เขาได้เลือกนักแสดงชื่อดังของฮอลลีวูดร่วมสร้างความยิ่งใหญ่ ทั้งเอ็ด สไครน์, ลุค อีแวนส์, นิก โจนาส, แพทริก วิลสัน, วูดดี้ ฮาเรลสัน และแมนดี้ มัวร์

“เมื่อ 20 ปีก่อน ผมกำลังถ่าย Godzilla ผมดูงานสารคดีเยอะเลยช่วงนั้น และหนึ่งในนั้นคือสารคดี Battle of Midway มันโดนใจผมทันที ผมอ่านหนังสือเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้หลายเล่ม ตลอดเวลาที่ผ่านมาหลายปีผมไม่เคยลืมเรื่องนี้เลย จนผมได้พบกับหนุ่มนักเขียนบท เวส ทูก (Wes Tooke) ที่ทำบทเรื่องอื่นให้เราอยู่ ผมถามเขาว่า ‘คุณอยากเขียนเรื่องอะไร’ แล้วเขาบอกว่า ‘มิดเวย์’ เขาอธิบายว่าเกือบทุกคนที่บ้านเขาเป็นทหารเรือ เช่นเดียวกันกับผม เขารู้สึกว่าต้องเล่าเรื่องนี้ออกมาให้โลกได้รู้”

ผู้กำกับคนดังบอกอีกว่า มิดเวย์เป็นศึกที่น่าสนใจมาก เพราะมีอะไรหลายอย่างเกิดขึ้นพร้อมกัน สถานการณ์พลิกไปมาอย่างรวดเร็ว แต่การจะถ่ายทอดเรื่องราวออกมาเป็นภาพยนตร์ให้ได้อย่างลงตัวนั้นยากมาก เพราะทุกสิ่งจากยุคนั้นไม่เหลือแล้ว จึงต้องสร้างทุกอย่างขึ้นมาใหม่หมด

MIDWAY เล่าเรื่องราวผ่าน 3 มุมมอง คือ มุมมองของฝั่งญี่ปุ่น มุมมองของหน่วยข่าวกรองของกองทัพเรือและแม่ทัพที่กุมชะตาศึกนี้ และมุมมองของทีมนักบินบนเรือเอ็นเตอร์ไพรส์

สิ่งสำคัญในการทำภาพยนตร์ประวัติศาสตร์คือการนำเสนอเรื่องราวให้ตรงตามประวัติศาสตร์ ซึ่งเอมเมอริชกล่าวถึงประเด็นนี้ว่า สมัยก่อนเมื่อสักประมาณ 10 หรือ 15 ปีที่แล้ว ถ้าอยากทำหนังเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ คุณสามารถทดลองอะไรได้เยอะกว่า แต่ทุกวันนี้ทุกคนต้องการความแม่นยำ ต้องการให้เล่าเรื่องราวออกมาตามจริง หนังประวัติศาสตร์บางเรื่องถูกใช้เป็นสื่อการสอน มันเลยเป็นความรับผิดชอบที่จะต้องไม่ใส่อะไรที่ผิดที่ผิดทางหรือไม่เป็นความจริงลงไป

เมื่อต้องสร้างให้ตรงตามเรื่องจริง เสริมความดราม่าหรือความรู้สึกส่วนตัวของผู้กำกับลงไปไม่ได้ วิธีการที่ผู้กำกับใช้เพื่อทำให้คนดูอินไปกับสิ่งที่ตัวละครในเรื่องพบเจอก็คือ ต้องเล่าเรื่องเกาะติดตัวละคร แสดงให้คนดูเห็นว่าเขาต้องเจอกับอุปสรรคอะไรบ้าง

“เช่นเหล่านักบินทิ้งระเบิดที่ต้องทิ้งดิ่ง 90 องศาเพื่อทิ้งระเบิดลงบนเรือขณะที่ฝั่งตรงข้ามยิงปืนกลใส่ แล้วยังมีพลุระเบิดที่สร้างควันดำบดบังทัศนวิสัย ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังต้องดิ่งลงไปโดยไม่ให้เครื่องตก เราเลือกนักบินสองสามคนที่มีบุคลิกเฉพาะตัว ดิค เบสต์ เป็นหนึ่งในสองคนที่จมเรือบรรทุกเครื่องบินญี่ปุ่นสองลำในวันเดียว คุณต้องหาคำตอบว่าอะไรที่ทำให้พวกเขากล้าทำแบบนั้น ผมคิดว่าพวกเขามีความระห่ำในตัว มีแนวคิดว่า ยอมตายก็ได้ ขอให้ภารกิจสำเร็จ” เอมเมอริชอธิบายได้อย่างน่าสนใจ