สรยุทธ พ้นคุก ติดกำไลอีเอ็ม จับตาทวงบัลลังก์ “เจ้าพ่อนักเล่าข่าว”

สรยุทธออกจากคุกแล้ว

อดีตพิธีกรรายการเล่าข่าวชื่อดัง “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” พ้นคุกแล้ววันนี้ ติดกำไลอีเอ็ม 14 เดือน จับตาทวงบัลลังก์ “เจ้าพ่อนักเล่าข่าว”

วันที่ 14 มีนาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 07.45 น. เจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ได้นำตัว นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อดีตพิธีกรรายการข่าวชื่อดัง ซึ่งมีกำหนดได้รับการปล่อยตัวในเวลา 09.00 น. ขึ้นรถตู้เดินทางมายังสำนักงานคุมประพฤติ กรุงเทพมหานคร 7 หลักสี่ เพื่อติดกำไลอีเอ็ม เป็นเวลา 14 เดือน ตั้งแต่ 14 มี.ค.64 – 20 พ.ค. 65 โดยนายสรยุทธจะต้องรายงานตัวกับกรมคุมประพฤติจนกว่าจะพ้นโทษในวันที่ 26 ก.ค.2566

นายสรยุทธ ซึ่งเป็นนักโทษชั้นเยี่ยม ได้รับอภัยโทษ โดยการลดโทษ 2 ครั้ง ซึ่งกำหนดโทษหลังสุดคือ 3 ปี 6 เดือน 20 วัน แต่จำคุกมาแล้ว 1 ปี 2 เดือน 6 วัน คงเหลือโทษจำคุก 2 ปี 4 เดือน 14 วัน จากโทษเดิม 6 ปี 24 เดือน จึงเข้าข่ายในการพิจารณราของคณะกรรมการพิจารณาพักโทษ ซึ่งได้พิจารณาผู้ต้องขังเข้าเกณฑ์การพักการลงโทษเหตุพิเศษ เนื่องจากนายสรยุทธ ประพฤติตัวอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ช่วยงานของกรมราชทัณฑ์หลายอย่าง

ก่อนหน้านี้ นายสรยุทธ เปิดใจว่า จะกลับมาทำงานทันที ตั้งแต่วันที่ได้รับการพักการลงโทษ โดยมีกระแสข่าวว่าจะกลับไปทำงานรายการข่าวที่ช่อง 3 ดังเดิม

ครอบครัวและเพื่อนร่วมงาน ได้แก่ นางสาวพิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ, ดร.อริสรา กำธรเจริญ, โก๊ะตี๋ อารามบอย รวมถึงนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ และ นายตัน ภาสกรนที มาคอยต้อนรับนายสรยุทธด้วยความตื่นเต้น ท่ามกลางสื่อมวลชนจำนวนมาก ที่ปักหลักรอทำข่าว โดยทางครอบครัวได้นำดอกไม้ธูปเทียนทำพิธีกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ระหว่างรอการปล่อยตัวนายสรยุทธ

ข่าวสด รายงานว่า โก๊ะตี๋ กล่าวว่า วันนี้ตั้งใจมารับนายสรยุทธ หลังจากที่เฝ้ารอมานาน โดยได้นำชุดสูทตัวสุดท้ายที่จับมือกัน และเข้าฟังคำพิพากษาศาลตัดสินโทษเดิม 6 ปี 24 เดือน ระหว่างที่นายสรยุทธอยู่ข้างในก็ให้กำลังใจตนในการต่อสู้กับปัญหาชีวิต วันนี้เป็นวันที่ตนเฝ้ารอจึงตั้งใจเดินทางมามอบเสื้อสูทดังกล่าวให้นายสรยุทธใส่อีกครั้ง

ในเวลาต่อมา มติชน รายงานว่า นายสรยุทธ ได้เดินออกมาพบผู้ที่มารอรับ และได้นั่งโต๊ะแถลงข่าวตอบคำถามผู้สื่อข่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีอะไรจะบอกกับคนที่รอคอย นายสรยุทธตอบว่า ยังไม่รู้จะบอกอะไร วันนี้ดีใจที่ได้อิสรภาพ แม้ไม่เต็มร้อย เนื่องจากต้องถูกคุมประพฤติ แต่อย่างน้อยยังได้ออกจากเรือนจำ รู้สึกดีใจที่ยังไม่ลืมกัน รู้สึกขอบคุณมากจริง ๆ การอยู่ในเรือนจำ มันเป็นทุกข์ หลังได้ใช้ชีวิตในคุก จนได้กลับมาเริ่มต้นใหม่ รู้สึกดีใจที่ได้มีวันนี้ ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง

ด้าน กรมคุมประพฤติ ระบุว่า นายสรยุทธ ไม่ได้เป็นคนที่กระทรวงยุติธรรมจัดเป็นวีไอพี แต่รับโทษเช่นเดียวกับผู้ต้องขังคนอื่นทั่วไป กระบวนการทั้งหมดเป็นเรื่องปกติ เพียงแต่นายสรยุทธเป็นผู้ที่สื่อมวลชนให้ความสนใจ ยืนยันด้วยว่า สามารถทำงานในฐานสื่อมวลชนได้ปกติ ไม่มีข้อจำกัดใด ๆ สามารถปฏิบัติหน้าที่โดยติดกำไลอีเอ็มที่ข้อเท้า โดยกรมคุมประพฤติจะคุมพื้นที่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยหากจะออกนอกพื้นที่ต้องทำเรื่องขอกับกรมฯใน 3 วัน

ต่อคำถามที่ว่า หลังจากได้รับอิสระจะกลับมาทำงานข่าวหรือไม่นั้น นายสรยุทธ ระบุว่า โลกเปลี่ยนไปเยอะ ทำในเรือนจำก็ได้ทำงานช่วยทางเรือนจำ เข้าไปก็เคว้งคว้าง อยู่ข้างในพอปรับตัวได้ ความทุกข์อยู่ที่ใจ พอดีเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 เกิดจลาจลที่บุรีรัมย์ จึงได้เริ่มจัดรายการในเรือนจำ เพื่อไม่ให้นักโทษตื่นตระหนก การได้ทำรายการจึงทำให้มีความสุขพอประมาณ ทำให้ใช้ชีวิตผ่านไปได้ การที่สามารถทำให้นักโทษได้ยิ้มได้บ้างก็รู้สึกมีความสุข โควิด อาจเป็นโชคดีที่ทำให้ได้ใช้ชีวิตในเรือนจำอย่างมีค่า ได้ทำงานจนในที่สุดได้มีวันนี้

นายสรยุทธกล่าวต่อว่า ส่วนออกไปสู่โลกภายนอกจะทำงานหรือไม่ ก็ขอคิดก่อน เพราะตนไม่ได้ทำงานมาถึง 5 ปี ในยุคนั้นตนทำในยุคที่คนไม่ดูข่าว ทำให้คนหันมาดูข่าว ตนยังงง ๆ ขอกลับไปคิด ไปปรับตัว”

นอกจากนี้ นายสรยุทธ ยังกล่าวด้วยว่า ขอใช้โอกาสในการบอกเรื่องกำไลอีเอ็ม การปล่อยตัวสำหรับนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ คดีข่มขืน ฆาตกรรม ขอเตือนว่าอย่าทำ คุณจะไม่ได้รับอภัยโทษ จะไม่ได้รับการพักโทษเลย จะมีคน 5 – 10 เปอร์เซ็นต์ ที่โทษหนัก ออกไปทำผิดซ้ำ อย่าเอาคนกลุ่มนี้มาตัดสินคนอีก 90 เปอร์เซ็นต์ ทุกคนมีโอกาสทำพลาด ให้โอกาสพวกเขา คนในเรือนจำอยากขอโอกาสจากทุกคน

หากคุณให้โอกาสเขา เขาจะเป็นพลังของสังคม หากไม่ให้โอกาสเขาจะเป็นภาระของสังคม มีโอกาสที่จะไปทำผิดอีกครั้ง สำหรับผู้ได้รับการพักโทษ เมื่อออกไปแล้วก็ต้องพิสูจน์ให้เห็นด้วยการใส่กำไลอีเอ็ม ให้เขาได้ลองใช้ชีวิตในโลกภายนอก จนวันหนึ่งพร้อมก็ถอดกำไลอีเอ็ม เป็นการออกมาเตรียมตัวใช้ชีวิต ผลดีของนโยบายการพักโทษ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นายสรยุทธและพวกถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีบริษัทไร่ส้ม แก้ไขค่าโฆษณาของ อสมท เสียหายกว่า 138 ล้านบาท เมื่อปี 2558 ซึ่งนายสรยุทธสู้คดีถึง 3 ศาล โดยศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 29 ก.พ.2559 ให้จำคุก 6 กระทง กระทงละ 3 ปี 4 เดือน รวมจำคุกคนละ 20 ปี แต่ลดโทษให้เหลือจำคุก 13 ปี 4 เดือน ไม่รอลงอาญา ต่อมาศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น เมื่อวันที่ 29 ส.ค.60 และศาลฎีกามีคำพิพากษาแก้เป็นว่าให้จำคุกนายสรยุทธ กระทงละ 2 ปี 6 กระทง รวมจำคุก 12 ปี และลดโทษให้เหลือจำคุก 6 ปี 24 เดือน