กรมควบคุมโรค ยกงานวิจัยแจงวัคซีนลดเกิดลองโควิด 40-80%

วัคซีน

กรมควบคุมโรค ยกผลศึกษายันวัคซีนลดความเสี่ยงลองโควิด 40-80% ย้ำโอกาสเกิดผลข้างเคียงต่ำไม่ต่างจากวัคซีนชนิดอื่น ๆ พร้อมเปิดข้อมูลผลข้างเคียงจากวัคซีนโควิด พบเพียง 5.09 ราย/แสนโดส หลังฉีดไปกว่า 147 ล้านโดส และพบการเสียชีวิตต่ำกว่า 1 ในล้านโดส 

วันที่ 17 มกราคม 2567 กรมควบคุมโรคส่งเอกสารชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่อง ผลกระทบของวัคซีนโควิด-19 ระบุว่า ตั้งแต่ปี 2564 จนถึงปัจจุบัน ในไทยมีการฉีดวัคซีนโควิดไปแล้วกว่า 147 ล้านโดส ซึ่งเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่เกิดหลังได้รับวัคซีนโควิด มีอุบัติการณ์ต่ำเช่นเดียวกับวัคซีนชนิดอื่น ๆ โดยในระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2564-31 ธันวาคม 2566 มีรายงานอุบัติการณ์ไม่พึงประสงค์กรณีร้ายแรง 5.09 รายต่อแสนโดส

อัตราเสียชีวิต 1 ในล้านโดส

เมื่อพิจารณารายที่เสียชีวิต 1,797 ราย พบว่ามีเพียง 5 ราย ที่มีความเกี่ยวข้องกับวัคซีน ได้แก่ การเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันร่วมกับเกล็ดเลือดต่ำ 2 ราย อาการแพ้รุนแรง 2 ราย และ Stevens-Johnson Syndrome 1 ราย ซึ่งคิดเป็นอุบัติการณ์เสียชีวิตที่ต่ำกว่าหนึ่งในล้านโดส

นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขยังติดตามเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ในระยะยาวคือการเฝ้าระวังอุบัติการณ์โรค หรือภาวะทางสุขภาพในประเด็นที่สำคัญตามข้อแนะนำขององค์การอนามัยโลก เช่น ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน โรคหลอดเลือดสมอง โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เป็นต้น

โดยขณะนี้ยังไม่พบหลักฐานที่สามารถยืนยันได้ชัดเจนว่ามีความเกี่ยวข้องกับวัคซีนโควิด ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาจำนวนมากในหลายประเทศที่ยืนยันว่า วัคซีนโควิดปกป้องสุขภาพและชีวิตของผู้คนที่รับวัคซีนไว้เป็นจำนวนหลายล้านคน

ผลวิจัยชี้ลดเสี่ยงลองโควิด 40-80%

การฉีดวัคซีนโควิดยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะลองโควิด (Long COVID) ภายหลังจากการติดเชื้อ โดยการศึกษาในกลุ่มประชากรขนาดใหญ่ พบว่าวัคซีนโควิด-19 สามารถลดความเสี่ยงที่จะเกิดลองโควิดทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ได้ 40-80% เทียบกับการไม่ได้รับวัคซีน (2, 3)

ทั้งนี้ สะท้อนจากผลการศึกษาในหลายประเทศคือ The effectiveness of COVID-19 vaccines to prevent long COVID symptoms : staggered cohort study of data from the UK, Spain, and Estonia-The Lancet Respiratory Medicine และ Covid-19 vaccine effectiveness against post-covid-19 condition among 589 722 individuals in Sweden : population based cohort study | The BMJ

เช่นเดียวกับการฉีดวัคซีนโควิดแล้วมากกว่า 13,000 ล้านโดสทั่วโลก ซึ่งข้อมูล วิชาการจาก thelancet ยืนยันว่าวัคซีนดังกล่าวสามารถป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตได้

ย้ำมีกระบวนการตรวจสอบ-ติดตามผล

กรมควบคุมโรคยังอธิบายว่า ไทยมีกระบวนการตรวจสอบและติดตามผลการฉีดวัคซีน โดยวัคซีนโควิดทุกชนิดที่ใช้ในประเทศไทยจะต้องผ่านกระบวนการรับรองประสิทธิภาพและความปลอดภัยจากองค์การอนามัยโลก และจะต้องได้รับการขึ้นทะเบียนโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา

รวมถึงมีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ดำเนินการตรวจรับรองรุ่นการผลิต (Lot Release) สำหรับวัคซีนทุก ๆ ลอต เพื่อควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ และให้เกิดความมั่นใจด้านความปลอดภัยสูงสุดก่อนนำไปให้บริการประชาชน ตลอดจนมีระบบติดตามและระบบการเฝ้าระวังเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ภายหลังได้รับวัคซีน ตามหลักมาตรฐานการดำเนินงานด้านการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค
ในประเทศไทย

สำหรับระบบการเฝ้าระวังเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ภายหลังได้รับวัคซีนต่าง ๆ นั้น เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2540 และกระทรวงสาธารณสุข มอบหมายกรมควบคุมโรคเพิ่มระบบการเฝ้าระวังเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นหลังได้รับวัคซีนโควิด มาตั้งแต่ต้นปี 2564 (โดยระบบจะรับรายงานทุกเหตุการณ์ ทั้งที่อาจจะเกี่ยว หรือไม่เกี่ยวข้องกับการได้รับวัคซีน เพื่อให้เกิดการตรวจสอบอย่างครบถ้วนมากที่สุด)

ซึ่งระบบการเฝ้าระวังดำเนินการโดยคณะผู้เชี่ยวชาญระดับชาติจากหลายสาขาที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณารายงาน เพื่อให้ความเห็นว่าเกิดขึ้นจากวัคซีนหรือไม่ หรือมีปัจจัยอื่นใดที่เกี่ยวข้อง ซึ่งต้องใช้ข้อมูลรอบด้าน ตลอดจนผลตรวจด้านการแพทย์มาพิจารณาร่วมด้วย เพื่อให้มีหลักฐานเพียงพอในการให้การวินิจฉัยได้แน่ชัดถึงสาเหตุทุกราย

เมื่อกองระบาดวิทยาได้รับรายงานผู้ป่วยที่มีอาการร้ายแรง หรือเสียชีวิตภายหลังได้รับวัคซีน บุคลากร
ทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบจะดำเนินการสอบสวนโรค และนำข้อมูลดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาสาเหตุและความเกี่ยวข้องกับการได้รับวัคซีน

โดยมีคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญประเมินเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค (AEFI) ซึ่งประกอบไปด้วย อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันต่าง ๆ หลายสาขาที่เกี่ยวข้อง เช่น กุมารแพทย์ อายุรแพทย์ สาขาโรคติดเชื้อ โรคระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบประสาทและสมอง โลหิตวิทยา ภูมิคุ้มกันวิทยา นิติเวช ผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีน เป็นต้น ประชุมพิจารณาร่วมกัน

พร้อมย้ำว่า ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าประเทศไทยมีระบบการติดตามอาการไม่พึงประสงค์ของวัคซีนโควิด ที่ดำเนินการตามมาตรฐานสากล เพื่อประเมินความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีน และกรมควบคุมโรคตระหนักถึงความสนใจ หรือความกังวลของประชาชนในเรื่องข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับวัคซีนโควิด จึงขอให้ติดตามรายงานจากกระทรวงสาธารณสุข เพื่อรับทราบข้อมูลที่ถูกต้องเผยแพร่ในเว็บไซต์ของกรมควบคุมโรค