น้ำนมแม่ เปรียบเหมือน “วัคซีนหยดแรก” ป้องกันการติดเชื้อในทารกแรกเกิด

นมแม่ วัคซีนหยดแรก
ภาพจาก เว็บไซต์ สสส.

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ชี้ น้ำนมแม่หลังคลอดเปรียบเหมือน “วัคซีนหยดแรก” ช่วยสานสัมพันธ์แม่-ลูก เป็นประโยชน์ในทารกไปตลอดชีวิต ทั้งยังป้องกันการเป็นมะเร็งเต้านมและมะเร็งรังไข่ของตัวแม่อีกด้วย

วันที่ 11 สิงหาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 10 สิงหาคม 2563 เว็บไซต์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เผยแพร่บทความ เรื่อง นมแม่…ดีกว่าที่คิด โดยระบุว่า น้ำนมแม่ มีประโยชน์และคุณค่ามากกว่าที่คิด การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวในช่วงเวลา 6 เดือนแรกของชีวิตเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่สุดสำหรับทารก ประโยชน์ของนมแม่นั้นจะมีต่อเนื่องไปตลอดชีวิต

ทารกควรได้รับนมแม่ตั้งแต่ 1 ชั่วโมงแรกหลังคลอด และได้กินนมแม่เพียงอย่างเดียวจนถึงอายุ 6 เดือน และกินนมแม่ร่วมกับอาหารตามวัยอย่างเหมาะสมต่อเนื่องเป็นเวลา 2 ปี หรือนานกว่านั้น ซึ่งวิธีนี้ถือเป็นเส้นทางเดียวที่จะทำให้สุขภาพของทารกแข็งแรง และได้รับภูมิคุ้มกันอย่างเต็มที่ ช่วยลดปัญหาสุขภาพลูกเมื่อโตขึ้น เช่น โรคอ้วน เบาหวาน และมะเร็งหลายชนิด

ศ.คลินิก พญ.ศิราภรณ์ สวัสดิวร รองประธานมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ช่วงเวลาระหว่าง 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงแรกหลังคลอด เป็นช่วงนาทีทองที่แม่กับลูกควรจะได้สานสายใยกัน ซึ่งทั้งแม่และลูกจะต้องรู้สึกตัวทั้งคู่ แม่ควรจะได้อุ้มลูก สบตากัน สัมผัสลูกอย่างใกล้ชิด ซึ่งจะทำให้เกิดความรัก ความผูกพันระหว่างแม่กับลูก

ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางสมองของทารก ช่วยกระตุ้นร่างกายของแม่ให้สามารถผลิตน้ำนมได้มากขึ้น รวมทั้งลดโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมและมะเร็งรังไข่ของแม่ด้วย หากแม่ไม่ได้มีอาการป่วย มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ปกติ ควรอย่างยิ่งที่จะให้นมลูกเพียงอย่างเดียวให้ครบ 6 เดือน

นอกจากนี้ นมแม่ยังมีสารอาหารมากกว่า 200 ชนิด น้ำนมแม่ในช่วงแรกหลังคลอด คือ หัวน้ำนมที่มีสีเหลืองข้น อุดมด้วยสารอาหารจำเป็น และมีสารภูมิคุ้มกันในปริมาณที่สูงมากเปรียบเหมือน “วัคซีนหยดแรก” ช่วยป้องกันการติดเชื้อในทารกแรกเกิด และจะได้รับภูมิคุ้มกันต่อเนื่องตราบเท่าที่เด็กยังกินนมแม่ สารอาหารสำคัญที่พบในนมแม่ ประกอบไปด้วย

  1. โปรตีน มีปริมาณที่พอเหมาะกับการเจริญเติบโตของร่างกาย และสมองของทารก ย่อยง่าย และดูดซึมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีคุณสมบัติที่สำคัญอื่น ๆ เช่น สารป้องกันเชื้อโรค สารช่วยในการเจริญเติบโต
  2. ไขมัน มีกรดไขมันที่จำเป็น “ไลโนเลนิค” เเละ “ไลโนเลอิค” จำนวนมากเช่นเดียวกับกรดไขมันไม่อิ่มตัวสายโซ่ยาว อาทิ ดีเอชเอเเละเอเอ ซึ่งช่วยพัฒนาระบบสมอง เเละจอตา ช่วยสร้างความเเข็งเเรงให้เเผ่นหุ้มเส้นประสาท ทำให้การรับส่งสัญญาณของเส้นประสาทระหว่างสมอง เเละร่างกายมีประสิทธิภาพ
  3. คาร์โบไฮเดรต เเลคโตส มีมากที่สุดในน้ำนมเเม่ เป็นส่วนสำคัญสำหรับพัฒนาการของสมองและระบบประสาท
  4. วิตามิน มีทั้งวิตามินที่ละลายในไขมัน และละลายในน้ำ เป็นตัวช่วยเพิ่มความสามารถในการดูดซึมของแร่ธาตุต่าง ๆ เช่น วิตามินซีช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็ก และสังกะสี
  5. เเร่ธาตุในนมเเม่ มีปริมาณที่เหมาะสมเเละดูดซึมได้ดี
  6. ฮอร์โมน และเอ็นไซม์ มีอยู่มากมาย เช่น ฮอร์โมนไทรอยด์ โปรเเลคติน ออกซิโทซิน และอื่น ๆ ทำหน้าที่ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโต เผาผลาญสารอาหาร และการทำงานของอวัยวะ เช่น เอ็นไซม์ไลเปสช่วยย่อยไขมันในนมแม่ ทำให้ดูดซึมเเละนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จากผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ร่วมกับองค์การเด็กแห่งสหประชาชาติ พบว่า คนไทยเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวตลอดช่วงระยะเวลา 6 เดือนแรกหลังคลอดเพียงแค่ 23 % หรือเพียง 1 ใน 4 เท่านั้น ซึ่งถือเป็นอัตราส่วนที่น้อยมาก

ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และรักษาการผู้อำนวยการสำนักสร้างเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. กล่าวว่า การส่งเสริมให้เด็กได้กินนมแม่ตั้งแต่แรกเกิด เป็นสิ่งที่ สสส.ให้ความสำคัญ เพราะจะมีผลดีต่อตัวเด็ก ทำให้เด็กเจริญเติบโตสมวัย ลดโอกาสการเกิดโรค NCDs ในอนาคต และช่วยส่งเสริมให้เกิดความผูกพันระหว่างแม่กับลูก ลดโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดโรคต่าง ๆ ของตัวแม่เองด้วย

“ในนมแม่มีสารอาหาร และปริมาณน้ำที่เพียงพออยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องให้อาหารเสริมใดๆ ในช่วง 6 เดือนแรก จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่แม่จะต้องเตรียมร่างกายให้พร้อม มีความแข็งแรงสมบูรณ์ เพื่อที่จะสามารถผลิตน้ำนมได้เพียงพอในการ เลี้ยงลูกตลอดช่วงระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือน

โดยปัจจัยอื่น ๆ จะต้องเกื้อหนุนตัวของแม่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นบทบาทของคุณพ่อ ในการหาเวลามาช่วยดูแลลูก ให้กำลังใจภรรยา หรือบทบาทขององค์กรที่จะส่งเสริมให้สามารถลางานได้ตามกฎหมาย หรือมีพื้นที่สำหรับให้คุณแม่หลังคลอดที่อยู่ในช่วงให้นมลูก สามารถนำลูกมาเลี้ยงในที่ทำงานได้” ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าว