เปิดใจครั้งแรก! “ณิชาภัทร สุภาพ” กับเส้นทางสายแฟชั่น สู่ฝันสูงสุดคนไทยคนแรกใน Met Ball

เรื่องโดย กรกนก มาอินทร์ / ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

มีโอกาสต่อสายตรงคุยข้ามประเทศไปถึงคนไทยคนเเรกที่ได้ร่วมงาน Met gala เสียงทักทายที่บ่งบอกเอกลักษณ์ถึงเจ้าตัวลอยเด่น ท่ามกลางบรรยากาศของสนามบิน ระหว่างรอเปลี่ยนเครื่อง ที่มีเวลามาพูดคุยกับเราก่อนจะบินต่อไปนั้น

“ป่าน-ณิชาภัทร สุภาพ” fashion journalist และที่ปรึกษาให้กับแบรนด์แฟชั่น ทั้งยังเป็นบรรณาธิการอิสระให้กับโว้ก เปิดบทการสนทนาด้วยการย้อนกลับไปสู่ชีวิตก่อนเข้าสู่วงการเเฟชั่น หลังจากถูกพูดถึงว่าเป็นคนไทยคนเเรกที่ได้รับเชิญเข้าร่วมงาน Met Gala งานกาล่าภายใต้การดำเนินงานของ “แอนนา วินทัวร์” บรรณาธิการบริหารโว้ก ที่เลื่องชื่อในเรื่องการคัดคนเข้างาน ระดับที่ว่ามีเงินเป็นสิบๆ ล้านยังเข้าไม่ได้

เธอเล่าว่า ครอบครัวเป็นครอบครัวธรรมดา ตนเองเกิดเเละโตเมืองไทย เรียนโรงเรียนเตรียมสายศิลป์-เยอรมัน ต่ออักษรที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตอนเด็กๆ มีความฝันว่าอยากทำงานเกี่ยวกับเเฟชั่นมาก แต่ด้วยตอนนั้นคิดว่าตนเองเป็นเด็กเนิร์ด ตั้งใจเรียน นั่งหน้าห้อง เเต่พูดมาก เป็นเหมือนคนเอนเตอร์เทนให้เพื่อนหัวเราะ

“ย้อนกลับไปช่วง 15 ปีก่อน ที่อายุ 15-16 ปีนั้น วงการเเฟชั่นมันก็ต้องเเบบ เธอต้องเป็นไฮโซ สวย พอเรียนจบอักษรที่จุฬา ตอนนั้นอายุประมาณ 22 ปี สอบเสร็จ ก็บินไปเรียนต่อปริญญาโทที่นิวยอร์กเลย เพราะอยากไปมาก ระหว่างที่อยู่นิวยอร์กก็ทำงานหาค่าเทอม ค่ากินอยู่ด้วย ซึ่งครอบครัวก็มีให้เเต่เขาไม่ได้มีให้มาก”

Are you over my posts yet? Be prepared cause there will be a lot more tmrw! ????

A post shared by Nichapat Suphap (@nichapats) on

เส้นทางชีวิตก่อนเข้าสู่วงการเเฟชั่น

หลังจากเรียนจบเเล้วก็เข้าเรียนที่ Executive training program ที่ Macy’s ซึ่งแต่ละคอสรับเพียง 25 คนเท่านั้น และได้ทำงานเป็น Assistant buyer ที Macy’s และย้ายมาทำงานที่ห้างบลูมมิงเดลส์ ฝ่ายเสื้อผ้าเด็ก ที่พอทำไปสักพัก รู้สึกว่าสิ่งที่ทำอยู่ไม่ใช่แฟชั่น แต่มันคือการขายปลีก

“ช่วงเวลานั้นที่ทำงานอยู่บลูมมิงเดลส์ ได้เงินเยอะมากถ้าเทียบในเวลานั้น เเต่รู้สึกว่าตัวเองไม่มีความสุข ตอนนั้นก็มองหางานใหม่ ให้เวลาตัวเอง 6 เดือน หางานด้านเเฟชั่น ซึ่งมันหาไม่ได้ เเต่ก็ตัดสินใจลาออกเลย ทั้งที่ยังไม่มีงานรองรับ ซึ่งต้องยื่นเรื่องลาออกล่วงหน้า 2 เดือน ระหว่างนั้นก็เปิดบริษัทด้านที่ปรึกษาเเฟชั่น ทำหน้าที่ช่วยดูเเบรนด์ไทยอยากติดต่อไปเมืองนอก หรือเเบรนด์จากเมืองนอกอยากเข้ามาในไทย”

ลูกค้าในขณะนั้น เป็นเเบรนด์ระดับท็อปเเทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น เเบรนด์โอลิเวีย, รองเท้า O&B, แบรนด์ไทย S’uvimol, เเบรนด์เสื้อผ้าสตรีหรูอย่าง ลาบูทีคส์ (La Boutique), แบรนด์ชุดว่ายน้ำสุดฮอต “แอนเจลิส บาเลก” หรือเเบรนด์ ZARA รวมไปถึงเเบรนด์คอนเวิร์ส เมื่อถามถึงลูกค้าที่ยังปรึกษาหารือกันถึงตอนนี้นั้น เธอร่ายชื่อเเบรนด์มายาวเหยียดเเทบที่บอกได้เลยว่า ขนมาทั้งห้างกันเลยทีเดียว

นอกจากนี้ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ก็มีคนติดต่อให้เขียนคอลัมน์ เกี่ยวกับเเฟชั่น ท่องเที่ยว ให้นิตยสารเเพรว ทำอยู่ประมาณ 4-5 ปี ทั้งช่วงเวลาเดียวกันนั้นมีคนติดต่อให้ทำที่โว้กด้วย ก็ทำควบสองที่คู่กันมา เพราะไม่ได้ทำงานเต็มเวลา เเต่ของโว้กคือมีไปดูเเฟชั่นให้เขา

“อย่างที่เขียนให้โว้กไทยเเล้ว ยังมีเขียนให้โว้กอินเดีย โว้กบราซิล โว้กออสเตรเลีย ส่วนเว็บไซต์ส่วนตัวที่ทำกับเพื่อนตอนนี้ไม่ได้ทำเเล้ว”

งานเเฟชั่นไม่ง่าย ถ้าไม่ชอบ…ก็ทำไม่ได้

ป่านเล่าด้วยเสียงขบขันว่า การไปงานเเฟชั่นโชว์เเต่ละที่นั้น ทำให้เธอรู้จักคนมากขึ้น เเต่ต้องออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด พอจุดหนึ่งก็มองว่า การที่ชอบไปงานเเบบนี้ มันสามารถสร้างรายได้ให้ตนได้ไหม เเละนั่นก็เป็นเหมือนการไขน๊อตสำเร็จ นำมาสู่การกระโดดเข้าสู่วงการอย่างเต็มตัวก็ว่าได้ แม้เจ้าตัวจะเเย้งว่ามันไม่ใช่วงการ เเต่มันคือการทำในสิ่งที่ตนรักเเละชอบ

“ชอบทุกงานที่ทำ ไม่เคยคิดว่ามันคืองานเลย เพราะมีความสุขกับงานที่ทำ ลูกค้ามันมีความเเตกต่าง เราไม่ได้ทำเหมือนกันทั้งหมด ตื่นขึ้นมาไม่รู้ด้วยซ้ำว่างานจะเป็นอะไร เเต่ทำงานทุกวัน” เมื่อถามว่าอะไรคือพลังงานบวกของตนเองนั้น คำตอบมาพร้อมเสียงหัวเราะ ว่า อยากบอกเด็กคนอื่นๆ เธอเองเป็นเด็กธรรมดา ไม่ได้สวย ไม่ได้รวยอะไร เป็นคนธรรมดา เเต่ถ้ามีความตั้งใจจริง สิ่งเราฝันมันจะเกิดขึ้นได้ ทุกอย่างมนุษย์ทำได้หมด

“ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกว่าอยากได้เงิน หรืออยากมีชื่อเสียง เเต่เราอยากอยู่ในกลุ่มของคนคูล อยากรู้จักคนเยอะๆ นั่นคือเป้าหมาย เเละเราก้ได้รู้จักคนเยอะมาก อะไรที่เราต้องการมากๆ เเล้วส่งมันออกไปสู่โลก จักรวาลจะให้สิ่งนั้นกลับคืนสู่เรา”

ถ้าพูดเเบบเข้าใจง่าย คือ “ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั้น” ถ้าปฏิเสธมา ไม่ให้เข้าทางประตู เธอก็จะปีนเข้าทางหน้าต่าง พร้อมว่า “i don’t talk no for the answer not talk You made some mistake”

เม้าท์เซเลบ

งานด้านนี้เจอเซเลบมาค่อนโลก ป่านเล่าถึงสีสันคนดังที่เจอ อย่างล่าสุดในงาน Met Ball ได้เข้าห้องน้ำที่เตรียมเอาไว้ เเล้วสายตาก็ดันไปเจอเข้ากับรองเท้า 1 คู่ ที่ถอดทิ้งไว้ ซึ่งเป็นรองเท้าของ ซูเปอร์โมเดล “คาร่า เดเลวีนญจ์” ที่พอเข้างานก็เดินเท้าเปล่าเเละถือรองเท้าเข้าไปเสียอย่างนั้น

ไลฟ์สไตล์หลังม่านเเฟชั่น

หน้าฉากคือการทำงานที่สวยงาม เเต่โมเม้นต์ไลฟ์สไตล์ส่วนตัวหากวันไหนไม่ได้ทำงาน เธอเล่าว่า ไม่ได้เเต่งตัว ไม่ไปไหน นอนอยู่บ้าน ดูซีรีส์ “ไลฟ์สไตล์คืออยู่บ้าน ไปกิน วนแบบนี้ เพราะงานที่ทำสามารถทำผ่านสมาร์ทโฟนได้ เทคโนโลยีมันเอื้อให้เราสามารถทำงานที่ไหนก็ได้”

ส่วนปัจจุบันนั้น ใช้ชีวิตอยู่นิวยอร์กเป็นหลัก ในเเต่ละปีจะอยู่ที่นิวยอร์กราว 6 เดือน เเละกลับมาไทยประมาณ 2 เดือน เวลาที่เหลือคือการเดินทางท่องเที่ยว

Met gala คือความฝันสูงสุด

เรียกได้ว่า ป่าน-ณิชาภัทร คือคนไทยคนเเรกที่ถูกเรียนเชิญให้เข้าร่วมงาน Met gala ที่สุดของงานกาล่าที่เเม้จะมีเงินมหาศาลก็ไม่ได้เข้า ถ้าเขาไม่เชิญ

ความรู้สึกเเรกเมื่อทราบว่าถูกเชิญนั้น เธอเล่าด้วยน้ำเสียงสดใสว่า ตื่นเต้นมาก เพราะงานนี้เป็นความฝันสูงสุดของเธอ บางคนฝันอยากมีงานเเต่งงาน เเต่ที่เธอฝันอยู่ตลอดคืองานนี้

“i’m not one a gilr who dream of a beautiful wedding” เธอเล่าต่อว่า เธอไม่ได้ฝันอยากมีงานเเต่งงานที่สวยงามอะไร เเต่สิ่งที่ฝันอยู่ตลอดคือ งาน Met Ball ที่รู้กันดีว่า แอนนา วินทัวร์ เข้มเรื่องการเชิญคนเข้าร่วมงาน

เเละทราบว่าถูกเชิญเข้าร่วมงานเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ขณะนั้นทำงานอยู่ปารีส ซึ่งช่วงปลายเดือนมกราคม ไปจนถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์เป็นอะไรที่ยุ่งมาก เพราะเป็นฤดูกาลเริ่มต้นเเฟชั่น วีค เเต่ช่วงเดือนมีนาคมได้มีการเข้ายิมออกกำลังกายเพื่อเตรียมตัวสำหรับงานนี้

“เราจริงจังเรื่องการลดน้ำหนักมาก เพราะอยู่นี่สั่งเเต่อาหาร ชอบกินของทอด ของมัน เลยให้เเม่บินมาหาที่นิวยอร์ก เเล้วคอยดูเเลเรื่องอาหารให้ เพราะเเม่จะมีวินัยเรื่องสุขภาพ ซึ่ง 2 เดือนที่ผ่านมาน้ำหนักลงมาบ้างเเล้ว”

ส่วนการเตรียมตัวด้านการเเต่งหน้า งานก็เเทบเข้า เมื่อช่างเเต่งหน้าประจำมาไม่ได้ ทำให้ต้องออดิชั่นช่างเเต่งหน้าถึง 5 รอบ ซึ่งเเต่ละรอบเราก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง สำหรับจิวเวลรี่มีโอกาสได้สวมเครื่องประดับจาก Chopard โดยวันที่ไปลองจิวเวลรี่ได้เเต่งตัวเต็มทั้งหน้า-ผม เพื่อจะได้เห็นภาพว่าถ้าลองใส่เครื่องเพชรกับชุดจะเป็นอย่างไร

I gave @peter_dundas and @evbousis so much headache. It’s not even real

A post shared by Nichapat Suphap (@nichapats) on

ไม่ใช่ดารา! ทำทุกอย่างที่เหมาะกับเรา ทำตามที่ใจชอบ

หลายครั้งที่ดาราเเถวหน้าเมืองไทยไปไกลในต่างเเดน ต่างถูกจับตามองว่า เสื้อ ผ้า หน้าผม จะเป็นอย่าง ซึ่งการไปงาน Met gala ของเธอนั้น ป่านออกตัวก่อนเลยว่า เธอไม่ใช่ดารา ไม่ใช่คนมีชื่อเสียง ส่วนชุดที่ใส่ไปงานมาจากเพื่อนดีไซเนอร์คนดัง “peter dundas” ที่เคยออกเเบบชุดให้กับ บียอนเซ่, คิม คาร์ดาเชียน

สำหรับธีมงานของ Met ball ในปีนี้คือ ธีม “Heavenly Bodies: Fashion and the Catholic Imagination” ป่านเล่าว่า ดีไซเนอร์เขารู้ว่าธีมปีนี้คืออะไร เเละเขาจะดีไซน์ชุดออกมาให้เข้ากับเธอ ซึ่งส่วนตัวเเล้วชอบเเบบนี้ เพราะเธอทำเพื่อให้ตัวเองมีความสุข

พร้อมย้ำว่า “เราไม่ใช่ดาราที่ต้องไปเดินเเล้วมารอดูฟีดเเบ็กว่าเป็นอย่างไร สิ่งที่ทำเพื่อให้ความฝันเป็นจริง เรื่องชุดคือเอาที่เหมาะกับเรา เเล้วเราชอบ ไม่ได้อยากได้ชุดที่คนอื่นอยากให้ใส่”

เเต่การไปงาน ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเป็นความภาคภูมิใจ เป็นอีกส่วนที่ทำให้ชีวิตมีความสุข มากกว่าคิดอะไรอย่างอื่น โดยไม่สนใจว่า การไปงานเเบบนี้จะได้อะไรกลับคืนมาเท่าไหร่ เเต่มันคือการประสบความสำเร็จ เพราะนี่คือสิ่งที่ต้องการมาตลอดชีวิต มันคือรางวัลของชีวิต

ทุกคนล้วนเป็นมนุษย์ ฝึกฝน พัฒนาตนเอง เเละตั้งใจ

เมื่อถามว่า ด้วยความที่เป็นคนเอเชีย มีเรื่องกดดัน ความยากง่ายต่องานไหม เธอตอบว่า ชาติไหนในโลกล้วนเป็นมนุษย์ มีความเป็นคนเหมือนกันหมด ย้อนกลับไปช่วง 8-9 ปีก่อนที่เข้าทำงานที่เมซีส์ คิดเพียงว่าต้องได้ทำงานที่นั่น สิ่งที่เป็นปัญหาของเราคือภาษา เธอก็พยายามฝึกฝนจนพูดเก่ง ให้ใครว่าเราไม่ได้ “ฝรั่งเริ่มจาก 0 เพราะเขาเป็นเจ้าของภาษา เราอยู่ติดลบ เเต่ต้องพัฒนาตนเองให้ก้าวไปอยู่ที่ 0 กับเขา เเล้วเราจะเเข่งกับเขาได้”

“i can’t not hiring you because you don’t speak English” เธอกล่าว

การทำงานเเฟชั่นหลักๆ คือภาษาอังกฤษอย่างเดียว เเต่ภาษาอิตาเลี่ยน ฝรั่งเศส ก็สำคัญ เพราะดีไซเนอร์ส่วนใหญ่ใช้ภาษานี้ ซึ่งตอนนี้เธอก็ยังเรียนรู้อยู่เสมอ การเข้าร่วมงานเเฟชั่นเเต่ละครั้งนั้นไม่ได้กดดันอะไร พร้อมย้ำว่าตนไม่ใช่ดารา เเต่การเข้าร่วมงานเพราะอยากไปรู้จักกับคนให้มากขึ้น

ปิดท้ายก่อนจากลา ป่านฝากถึงคนรุ่นหลังที่อยากเข้าสู่สายงานเเฟชั่น อยากให้พยายามเเละตั้งใจ พร้อมย้ำว่า “i don’t talk no for the answer not talk You made some mistake” หรืออีกอย่างความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น เเล้วมันจะเกิดขึ้น

เเต่ป่าน-ณิชาภัทร นับเป็นอีกคนหนึ่งที่มี Passtion และมีพลังงานบวกมหาศาล ส่วนผลงานหลังจากนี้คงต้องรอติดตาม ไม่แน่คนที่กำลังฝันอยากทำงานสายแฟชั่น สักวันอาจได้พบกันบนรันเวย์

On Wednesday, they wear pink. But we try on couture in the kitchen.

A post shared by Nichapat Suphap (@nichapats) on

The trip is over but the photo isn’t over.

A post shared by Nichapat Suphap (@nichapats) on

Ladies, let me tell you about the polo player ???

A post shared by Nichapat Suphap (@nichapats) on

Floral on floral @toryburch

A post shared by Nichapat Suphap (@nichapats) on

 

 

 

 


ภาพจาก อินสตาเเกรม: nichapats