เช็กความพร้อม “ภูเก็ต” นับถอยหลังสู่ “แซนด์บอกซ์”

ภูเก็ต

ต้องยอมรับว่า “ภูเก็ตแซนด์บอกซ์” เป็นความพยายามในการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยไม่กักตัว ที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯ โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ผลักดันให้เกิดขึ้น ด้วยหวังว่าจะเป็นการเปิดประตูสู่การพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศหลังจากที่เผชิญกับวิกฤตโควิดกันมาแล้วเกือบ 1 ปีครึ่ง

หวังต่างชาติ (ช่วย) ฟื้นเศรษฐกิจ

รัฐบาลโดยกระทรวงการท่องเที่ยวฯ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้พยายามทำการศึกษาและหาแนวทางคลายล็อกเพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยมีเป้าหมายที่ยกเลิกการกักตัว ทั้งนี้ เพื่อเป็นการช่วยกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ

แนวทางดังกล่าวนี้ “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้ลงพื้นที่พร้อมกับผู้บริหารของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประชุมร่วมกับหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวในทุกภาคส่วนของจังหวัดภูเก็ตเมื่อมีนาคม 2564 ที่ผ่านมา พร้อมสรุปแผนรูปแบบเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติออกมาสารพัดโมเดล

รวมถึงรูปแบบไม่กักตัว ซึ่งกำหนดเริ่ม 1 ตุลาคม 2564 ภายใต้โมเดล sand box (ตุลาคม-ธันวาคม 2564) สำหรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ใน 7 เมืองท่องเที่ยว ได้แก่ ภูเก็ต, สมุย, เกาะเต่า, เกาะพะงัน, กระบี่, ชลบุรี และเชียงใหม่

แต่เพื่อเป็นการทดลองระบบและเตรียมความพร้อม รัฐบาลจึงขยับแผน sand box ให้เร็วขึ้น มาเริ่มคิกออฟ 1 กรกฎาคม 2564 โดยใช้ภูเก็ตเป็นจังหวัดต้นแบบนำร่อง ภายใต้ชื่อ “ภูเก็ตแซนด์บอกซ์”

นโยบายดังกล่าวนี้สร้างความตื่นตัวให้กับผู้ประกอบท่องเที่ยวทุกเซ็กเตอร์ในภูเก็ต ทุกภาคส่วนต่างเร่งเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ เพื่อให้ธุรกิจกลับมาเปิดบริการได้อีกครั้ง ทั้งเรื่องการรณรงค์ให้คนภูเก็ตออกมาถกแขนเสื้อฉีดวัคซีนให้เป็นไปตามเป้าหมาย

ผู้ประกอบการภูเก็ตพร้อมมาก

“ชำนาญ ศรีสวัสดิ์” ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) หรือสภาท่องเที่ยว บอกกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า หลังจากที่สภาท่องเที่ยวได้ลงไปสำรวจความพร้อมด้านซัพพลายไซด์ และประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้ประกอบการทุกสาขาอาชีพของจังหวัดภูเก็ต เมื่อ 2 มิถุนายนที่ผ่านมา พบว่าขณะนี้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวทุกเซ็กเตอร์มีความพร้อมสำหรับการให้บริการในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ รวม 894 ราย ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่เพียงพอสำหรบรองรับดีมานด์ในช่วงเริ่มต้นแน่นอน

ภูเก็ต

โดยในส่วนของโรงแรม/ที่พัก ที่ได้รับมาตรฐาน SHA เรียบร้อยแล้ว มีจำนวน 419 แห่ง ร้านอาหาร/ภัตตาคาร จำนวน 136 แห่ง ผู้ประกอบการนำเที่ยว/มัคคุเทศก์ จำนวน 148 แห่ง รถโดยสารสาธารณะ รถนำเที่ยว และเรือนำเที่ยว จำนวน 35 ราย สปา/บริการเพื่อสุขภาพ จำนวน 26 ราย ฯลฯ

กระตุ้น “ไทยเที่ยวไทย” หนุน

อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมดังกล่าว ภาคเอกชนภูเก็ตยังได้เรียกร้องให้ภาครัฐช่วยสนับสนุนใน 4-5 ประเด็นหลัก ได้แก่ แคมเปญเปิดเมือง กองทุนฟื้นฟูท่องเที่ยวกองทุนเปิดเมือง รวมถึงช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของสถานประกอบการ และขอโอกาสสำหรับโรงแรมที่ยังไม่มีใบอนุญาตแต่เสียภาษี

โดยในส่วนของแคมเปญเปิดเมืองนั้น ภาคเอกชนขอให้ ททท.ทำแคมเปญสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยวสำหรับคนไทยที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว เพื่อกระตุ้นให้คนไทยเข้ามาเที่ยวภูเก็ต และเติมให้ผู้ประกอบการที่เปิดให้บริการมีรายได้เพียงพอสำหรับการบริหารธุรกิจต่อไป

โดยประเมินว่าลำพังนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามาในช่วงเริ่มต้นนี้อาจมีปริมาณไม่มากนัก เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสทั่วโลกที่อาจยังไม่เอื้อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเกิดการเดินทางท่องเที่ยวมากนัก

“เบื้องต้นนี้ภูเก็ตทั้งเมืองยืนยันว่าพร้อมแล้ว โรงแรม รถ เรือ ร้านอาหาร ฯลฯ ทุกส่วนพร้อม แต่ธุรกิจที่เปิดแล้วจะอยู่รอดได้นั้นต้องมีดีมานด์เข้ามาพอสมควรด้วย เช่น กรณีของโรงแรมจะต้องมีอัตราการเข้าพักไม่ต่ำกว่า 30% ถึงจะเลี้ยงตัวเองรอด ซึ่งทาง ททท.ก็รับปากแล้วว่าจะทำแคมเปญกระตุ้นคนไทยให้เข้ามาเที่ยวภูเก็ตด้วยเช่นกัน”

“แซนด์บอกซ์” คือความหวัง

สำหรับในส่วนของกองทุนฟื้นฟูท่องเที่ยวนั้น “ชำนาญ” บอกว่า ทุกภาคส่วนลงความเห็นว่าเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นอย่างมาก เพราะกลุ่มผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังมีอุปสรรคมากมายในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน

เช่นเดียวกับกองทุนเพื่อเปิดเมืองในการ restart opening Phuket เนื่องจากหลายกิจการเงินหมุนหมดไปนานแล้ว

“ตอนนี้ทั่วประเทศและทั่วโลกกำลังจับตาดูโมเดลของภูเก็ตว่าจะสามารถเปิดได้หรือไม่ หากได้รับการสนับสนุนที่ดีโมเดลการเปิดเมืองของภูเก็ตจะเป็นต้นแบบที่ดีให้กับในอีกหลาย ๆ พื้นที่มีแผนเปิดตามมาอีกในช่วงตุลาคม แต่หากภูเก็ตไม่เกิด ความหวังคนท่องเที่ยวก็จะยิ่งริบหรี่ลง ซึ่งที่ผ่านมาผู้ว่าฯภูเก็ตได้ทำข้อมูลเสนอแล้วว่า ในแต่ละเซ็กเตอร์ต้องการอะไร อยากให้รัฐช่วยเหลืออย่างไร”

หวั่นภูเก็ตพร้อม-รัฐไม่พร้อม

แหล่งข่าวในธุรกิจท่องเที่ยวรายหนึ่งให้ข้อมูลกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการท่องเที่ยว หน่วยงานรัฐทุกภาคส่วนของภูเก็ต ได้เร่งเตรียมความพร้อมทุก ๆ ด้าน ทั้งการปรับโครงสร้างเมือง รวมถึงแผนการฉีดวัคซีน เพื่อเตรียมเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวที่จะกลับมา

แต่สุดท้ายดูเหมือนว่าภูเก็ตจะพร้อมอยู่ฝ่ายเดียว หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงการท่องเที่ยวฯ, กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการต่างประเทศ ฯลฯ ยังไม่พร้อมในหลายประเด็น ทั้ง ๆ ที่เหลือเวลานับถอยหลังกันอยู่เพียงแค่ 3 สัปดาห์เท่านั้น

สอดรับกับ “ภูมิกิตติ์ รักแต่งาม” นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวภูเก็ต ที่ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้รัฐบาลโดยหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องยังไม่พร้อมในหลายประเด็น อาทิ หลักการรับรองการฉีดวัคซีนของนักท่องเที่ยวต่างชาติการติดตามตัวนักท่องเที่ยว ฯลฯ รวมถึงเงื่อนไขเรื่องการกักตัว และวัคซีนที่จะจัดสรรมาให้

พร้อมย้ำว่า คอนเซ็ปต์ของ “ภูเก็ตแซนด์บอกซ์” คือ นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาภูเก็ตต้องไม่กักตัว ที่ผ่านมาคุยกันมาหลายเดือนแล้ว จนถึงวันนี้ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนเรื่องการปลดล็อกการกักตัวเลย

ขณะที่ “ณรงค์ วุ่นซิ้ว” ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ระบุว่า ทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาชนในจังหวัดภูเก็ตพยายามกันมาตลอดที่จะทำให้ภูเก็ตพร้อมสำหรับเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยไม่กักตัว 1 กรกฎาคมนี้ หากไม่สามารถเปิดได้ตามเป้าหมาย โอกาสที่ภาคการท่องเที่ยวของประเทศจะฟื้นกลับมาก็น่าจะยากยิ่งขึ้น


คงต้องจับตาและร่วมกันนับถอยหลัง “Countdown to Reopen Phuket” ไปพร้อม ๆ กัน เพราะทุกภาคส่วนมีความตั้งใจเกินร้อยในการร่วมกันขับเคลื่อนเพื่อเปิดเมืองภูเก็ตใน 1 กรกฎาคมนี้…