ต่างประเทศ

เศรษฐกิจซึมไม่ฟื้น ส่งออกทั่วโลกทรุดต่อเนื่อง

เศรษฐกิจ ส่งออก
ภาพจาก AFP

เศรษฐกิจโลกซึมไม่ฟื้น ฉุดการส่งออกทั่วโลกทรุดต่อเนื่องหลายเดือน กิจกรรมภาคการผลิตที่ยังอ่อนแอสะท้อนแนวโน้มข้างหน้า ว่าการส่งออกยังจะหดตัวต่อไป

ตอนนี้แม้ว่าเศรษฐกิจโลกยังไม่เข้าสู่ภาวะถดถอยดังที่มีคำเตือน แต่เศรษฐกิจทั่วโลกก็อยู่ในภาวะชะลอตัว และเผชิญหลายปัจจัยลบ ทำให้การเติบโตยังชะลอ และภาพคาดการณ์เศรษฐกิจโลกตลอดทั้งปีนี้ยังไม่สดใส

ล่าสุด วันที่ 11 เมษายน 2566 กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกปีนี้ลงไปที่ 2.8% จากการคาดการณ์ครั้งก่อนหน้าเมื่อเดือนมกราคมที่คาดว่าจะโต 2.9% และปรับลดคาดการณ์การเติบโตของปี 2567 ลงที่ 3.0% จากคาดการณ์ครั้งก่อนหน้าที่คาดว่าจะโต 3.1% เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศขนาดใหญ่อ่อนแอลง และคาดว่าในบางประเทศจะมีการใช้นโยบายทางการเงินที่เข้มงวดเพิ่มขึ้นอีก เพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อที่ยังสูงยืดเยื้อ

เศรษฐกิจโลกที่ซบเซาส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศ การส่งออกของประเทศเขตเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่พึ่งพาการส่งออกล้วนหดตัวลงต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และยังมีแนวโน้มที่จะหดตัวต่อไป

สหรัฐอเมริกา : เดือนกุมภาพันธ์ 2566 ส่งออกมูลค่า 251,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 2.7% จากเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า (YOY) นำเข้า 321,700 ล้านดอลลาร์ ลดลง 1.5%

จีน : การส่งออกเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ 2566 (จีนรวมสถิติสองเดือน) มีมูลค่า 506,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 6.8% YOY ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ด้านการนำเข้ามีมูลค่า 389,420 ล้านดอลลาร์ ลดลง 10.2% YOY

ขณะที่การส่งออกของจีนที่ลดลง สะท้อนว่าอุปสงค์ทั่วโลกอ่อนแอ การนำเข้าที่ลดลงก็สะท้อนว่าอุปสงค์จากต่างประเทศอ่อนแอเช่นกัน เนื่องจากสินค้าจำนวนมากที่จีนนำเข้าเป็นวัตถุดิบและชิ้นส่วนสำหรับแปรรูปสินค้าเพื่อการส่งออก

ฮ่องกง : เดือนกุมภาพันธ์ 2566 ส่งออกเป็นมูลค่า 286,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 8.8% YOY นับเป็นการหดตัวเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกัน ด้านการนำเข้าลดลง 4.1% YOY ก่อนหน้านั้น เดือนมกราคมส่งออกเป็นมูลค่า 37,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 36.7% YOY ซึ่งเป็นอัตราการหดตัวที่มากที่สุดในรอบเกือบ 70 ปี นับตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. 2496 (ค.ศ. 1953)

เวียดนาม : การส่งออกในช่วง 6 เดือนล่าสุด (ตุลาคม 2565-มีนาคม 2566) หดตัวไปแล้ว 4 เดือน ล่าสุดมูลค่าการส่งออกในเดือนมีนาคม 2566 อยู่ที่ 29,570 ล้านดอลลาร์ ลดลง 14.8% YOY ดึงให้การส่งออกในไตรมาสแรกปี 2566 ลดลง 11.9% ขณะที่การนำเข้าเดือนมีนาคมอยู่ที่ 28,920 ล้านดอลลาร์ หดตัว 11.1% YOY

เกาหลีใต้ : เดือนมีนาคมส่งออก 55,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 13.6% YOY นับเป็นการหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ (ชิป) บวกกับตัวเลขฐานที่สูงของเดือนมีนาคม 2565 ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์ อย่างไรก็ตาม มูลค่าการส่งออกในเดือนมีนาคม 2566 ฟื้นกลับขึ้นเกิน 55,000 ล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน

ไทย : เดือนกุมภาพันธ์ส่งออก 22,376.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (730,123 ล้านบาท) หดตัว 4.7% YOY เป็นการหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565

อินเดีย : เดือนกุมภาพันธ์ ส่งออกมูลค่า 33,880 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 8.8% YOY เป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5

ญี่ปุ่น : เป็นประเทศที่การส่งออกยังโตเดือนกุมภาพันธ์ส่งออก 7.65 ล้านล้านเยน (ประมาณ 57,163 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โต 6.5% YOY มูลค่าการส่งออกเติบโตติดต่อกันเป็นเดือนที่ 24 แต่เป็นอัตราการเติบโต (YOY) ที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2564 สะท้อนแนวโน้มว่า หลังจากนี้การส่งออกอาจชะลอหรือหดดตัวลงได้

ส่วนการส่งออกในอนาคตระยะใกล้ก็มีแนวโน้มจะหดตัวลงต่อไป เห็นได้จากตัวเลขกิจกรรมภาคการผลิตของประเทศต่าง ๆ ที่อ่อนแออย่างพร้อมเพรียงกัน เนื่องจากคำสั่งซื้อจากต่างประเทศยังน้อย

สหรัฐ : ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของภาคการผลิต (Manufacturing PMI) เดือนมีนาคม 2566 อยู่ที่ 43.6 จุด ต่ำกว่าเกณฑ์เป็นเวลา 5 เดือนติดต่อกัน และต่ำที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี

จีน : PMI ภาคการผลิตเดือนมีนาคม 2566 ที่สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนแถลงอยู่ที่ 51.9 จุด แต่ดัชนีที่จัดทำโดย Caixin/S&P อยู่ที่ 50.0 จุด อย่างไรก็ตาม ตัวเลข PMI ภาคการผลิตเดือนมีนาคมที่ทางการจีนระบุ 51.9 จุด ก็ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งอยู่ที่ 52.6 จุด

เกาหลีใต้ : PMI ภาคการผลิตเดือนมีนาคมร่วงลงไปที่ 47.6 จุด จากเดือนกุมภาพันธ์ ที่อยู่ที่ 48.5 จุด เป็นการหดตัวเร็วที่สุดในรอบ 6 เดือน

ญี่ปุ่น : PMI ภาคการผลิตเดือนมีนาคมอยู่ที่ 49.2 เพิ่มขึ้นจาก 47.7 ในเดือนกุมภาพันธ์ แต่ยังต่ำกว่าเกณฑ์ 50 จุด เป็นผลมาจากการที่คำสั่งซื้อใหม่หดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9