ส่อง “ความหวัง” ภาคธุรกิจ จากการพบปะของ สี จิ้นผิง-ไบเดน

สี จิ้นผิง พบโจไบเดน วันที่ 15 พฤศจิกายน 2023
สี จิ้นผิง พบโจไบเดน วันที่ 15 พฤศจิกายน 2023 (ภาพโดย Kevin Lamarque/ REUTERS)
คอลัมน์ : ชีพจรเศรษฐกิจโลก
ผู้เขียน : นงนุช สิงหเดชะ

ถือเป็นการพบปะกันครั้งแรกในรอบ 1 ปี สำหรับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐอเมริกา และประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน ในการประชุมความร่วมมือเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ซึ่งสหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าภาพเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และแน่นอนไฮไลต์ของงานอยู่ที่การพบปะทวิภาคีนอกรอบระหว่างผู้นำสองชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจเบอร์ 1 และ 2 ของโลก

หลังเสร็จสิ้นการประชุมสักพัก และหลังจากได้ยินได้ฟังถ้อยแถลง ท่าทีและจุดยืนของทั้งสองประเทศแล้ว บรรดานักวิเคราะห์ก็จะมีเวลาย่อยและวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อหาสัญญาณสำคัญ ซึ่ง
นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งตีความว่า สารที่ออกมาจากการพบปะครั้งนี้คือการส่งสัญญาณสำคัญสำหรับธุรกิจของสหรัฐและจีน

หวัง ตง ผู้อำนวยการบริหารสถาบันความร่วมมือระดับโลกแห่งมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ระบุว่า สิ่งที่ได้จากการประชุมครั้งนี้คือสัญญาณที่ชัดเจนมาก ๆ ว่าสองประเทศจะกลับมาจับมือกันใหม่ในรูปแบบต่างตอบแทนกัน เพื่อประโยชน์ร่วมกัน “ผมคิดว่าสิ่งนี้สำคัญอย่างมากสำหรับสองประเทศ และต่อเศรษฐกิจโลกด้วย”

ทางด้าน เจค โคลวิน ประธานสภาการค้าต่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกาชี้ว่า สาระสำคัญในครั้งนี้ก็คือทั้งจีนและสหรัฐกำลังหาทางร่วมมือกันในด้านที่พวกเขาสามารถร่วมมือกันได้ ซึ่งภาคธุรกิจของสหรัฐหวังว่าท่าทีใหม่เช่นนี้จะสามารถกลายเป็นความปกติใหม่ของ
ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ ที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย และทั้งคู่กลับมายึดมั่นให้ความสำคัญต่อเศรษฐกิจอย่างปกติมากขึ้น ทิ้งเรื่องการตอบโต้กันด้วยภาษีไปเสีย

แกเบรียล วิลเดา กรรมการผู้จัดการของเทเนโอ กล่าวว่า การพบปะของผู้นำทั้งสอง แสดงให้เห็นว่า ไม่มีโอกาสที่สองประเทศจะแยกตัวจากกันอย่างสิ้นเชิง และการลงทุนในจีนก็ยังเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ อย่างน้อยก็ในอุตสาหกรรมที่ไม่มีความอ่อนไหว มันสะท้อนว่าทั้งสองฝ่ายต้องการหลีกเลี่ยงที่จะทำให้ความสัมพันธ์แย่ลงไปกว่าเดิม

หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐหลายคนเดินทางไปเยือนจีนนำร่องไปก่อนแล้วในปีนี้ การพบปะกันของสองประธานาธิบดีที่เอเปค ได้ก่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติ เช่น มีการกลับมาเปิดเที่ยวบินระหว่างกันมากขึ้น โดยเที่ยวบินตรงจากปักกิ่งสู่วอชิงตันเที่ยวบินแรกนับจากโควิด-19 ได้เริ่มขึ้นแล้วเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน และมาสเตอร์การ์ดได้ประกาศว่า บริษัทร่วมทุนในจีนได้รับอนุมัติจากธนาคารกลางจีนให้บริการชำระเงินในประเทศได้

เอียน เบรมเมอร์ ประธานบริษัทที่ปรึกษา ยูเรเซียกรุ๊ป บอกว่า ได้ยินเรื่องราวจากผู้มีอำนาจตัดสินใจหลายสิบคนที่มาเล่าให้ตนฟังเกี่ยวกับประสบการณ์ที่ได้รับจากตัวแทนเจรจาฝ่ายจีน พวกเขาบอกว่ามีความเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน นั่นก็คือคำสัญญาที่ว่าจะออกใบอนุญาตต่าง ๆ ให้ สร้างความกระจ่างชัดเกี่ยวกับกฎระเบียบต่อต้านการจารกรรม การสามารถเข้าถึงผู้มีอำนาจตัดสินใจของฝ่ายจีนได้มากขึ้น อีกทั้งได้รับการปฏิบัติที่ดีจากสื่อจีน

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญคนอื่น ๆ เห็นว่า การพบปะกันของ “สี จิ้นผิง” และ “โจ ไบเดน” ถือว่าดีมากในบางเรื่อง แต่ในระยะยาวแล้วการบริหารจัดการความสัมพันธ์เป็นเรื่องยากมาก และคงไม่มีโอกาสที่จะเห็น “การดีขึ้นครั้งใหญ่” เพราะยังมีความเสี่ยงรออยู่ เนื่องจากในเดือนพฤศจิกายน 2024 จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ และไต้หวันก็มีกำหนดจะเลือกตั้งเดือนมกราคมปีเดียวกัน สิ่งที่ผู้นำทั้งสองทำในขณะนี้น่าจะเป็นเพียงการป้องกันไม่ให้ความสัมพันธ์เสื่อมทรามร้ายแรงมากกว่านี้

ขณะที่ “โกลด์แมน แซกส์” พยากรณ์ว่า ในปี 2024 จะเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ที่ตลาดหุ้นจีนจะกลับมาสร้างกำไรให้กับนักลงทุน โดยดัชนี MSCI China และ CSI 300 จะเพิ่มขึ้น 12% และ 15% ตามลำดับ หลังจากติดลบติดต่อกันมา 3 ปี เพราะคาดว่าบริษัทในตลาดหลักทรัพย์จะมีอัตราเติบโตประมาณ 10% เนื่องจากรัฐบาลจีนได้ใช้หลายมาตรการหลัก ๆ พร้อมกันกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งมาตรการการเงิน การคลัง การผ่อนคลายกฎระเบียบอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งผ่อนความเข้มงวด การกำกับดูแลภาคอุตสาหกรรมด้วย สะท้อนว่ารัฐบาลได้ปรับโหมดนโยบายไปสู่การเอื้ออำนวยเศรษฐกิจ