คนอยากย้ายประเทศว้าวุ่น 3 ประเทศยอดฮิตปรับเกณฑ์เข้มวีซ่าเรียน-ทำงาน

australia ออสเตรเลีย

คนไทยที่อยากย้ายประเทศ หรือแสวงหาโอกาสในชีวิตโดยการไปเรียนหรือทำงานในต่างประเทศกำลังว้าวุ่น เมื่อ 3 ประเทศยอดนิยมของชาวไทย อย่าง ออสเตรเลีย อังกฤษ และแคนาดา ปรับเกณฑ์เข้มวีซ่าเรียน-ทำงาน เพื่อลดจำนวนการรับชาวต่างชาติเข้าประเทศ 

อังกฤษมุ่งหั่นจำนวนต่างชาติเข้าประเทศ 

เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2023 สหราชอาณาจักร หรืออังกฤษ ประกาศเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์วีซ่าให้ชาวต่างชาติเข้าประเทศยากขึ้น ทั้งคนทำงานและผู้ติดตาม ไปจนถึงการรับชาวต่างชาติเข้าไปอยู่ในอุปการะของครอบครัวชาวอังกฤษ เพื่อลดจำนวนคนย้ายถิ่นฐานเข้าประเทศ

การปรับเกณฑ์ประกอบด้วยการเปลี่ยนแปลงสำคัญ 5 ประเด็น ยกตัวอย่างกฎเกณฑ์สำคัญที่ปรับเปลี่ยนและจะส่งผลต่อคนทำงานได้แก่ กำหนดปรับเปลี่ยนข้อกำหนดรายได้ขั้นต่ำสำหรับการขอวีซ่าแรงงานมีทักษะเพิ่มขึ้นเป็น 38,700 ปอนด์ต่อปี จากเดิมกำหนด 26,000 ปอนด์ต่อปี และส่งเสริมให้นายจ้างจ้างคนงานชาวอังกฤษมากขึ้น ซึ่งเมื่อเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำสำหรับการจ้างชาวต่างชาติเพิ่มขึ้น ก็จะทำให้ผู้ประกอบการจ้างชาวต่างชาติน้อยลง เนื่องจากค่าจ้างไม่แตกต่างกับชาวอังกฤษอย่างมีนัยสำคัญ

อีกทั้งยกเลิกการอนุญาตให้อาชีพที่จำเป็นและขาดแคลนที่สุดสามารถจ้างงานได้ในอัตราค่าจ้างต่ำกว่าปกติ 20% ซึ่งนายจ้างใช้การอนุญาตนี้จ้างงานชาวต่างชาติที่ยอมรับค่าจ้างได้ต่ำกว่าที่ชาวอังกฤษรับได้ การยกเลิกการอนุญาตนี้เป็นการบังคับให้นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างตามมาตรฐาน ซึ่งนั่นจะทำให้มีการจ้างงานชาวต่างชาติน้อยลง-จ้างงานชาวอังกฤษมากขึ้น เพราะค่าจ้างชาวต่างชาติกับชาวอังกฤษไม่ได้ต่างกันมาก 

ทั้งนี้ เกณฑ์ใหม่นี้ยกเว้นให้สำหรับผู้ที่เข้าประเทศโดยวีซ่า Health and Social Care เพื่อให้สหราชอาณาจักรไม่ขาดแคลนเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ อีกทั้งยกเว้นให้สำหรับผู้ปฏิบัติงานด้านการศึกษาด้วย

พร้อมกันนี้ รัฐบาลอังกฤษได้เพิ่มข้อกำหนดรายได้ขั้นต่ำสำหรับพลเมืองอังกฤษและผู้ตั้งถิ่นฐานในสหราชอาณาจักรที่ต้องการให้สมาชิกในครอบครัวย้ายถิ่นฐานเข้าไปสหราชอาณาจักรด้วย หรือเรียกอย่างเป็นทางการว่า การอุปถัมภ์สมาชิกในครอบครัว โดยเพิ่มข้อกำหนดรายได้ขั้นต่ำสำหรับผู้ขอวีซ่าสำหรับครอบครัวเป็น 38,700 ปอนด์ต่อปี จากเดิมกำหนดไว้ 18,600 ปอนด์ต่อปี 

กฎใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้ในฤดูใบไม้ผลิปีหน้า (1 เมษายน 2567) รัฐบาลอังกฤษคาดการณ์ว่า การปรับเกณฑ์ใหม่จะช่วยลดจำนวนผู้ย้ายถิ่นฐานลง 300,000 คนเมื่อเทียบกับปีก่อนบังคับใช้เกณฑ์ใหม่ 

ออสเตรเลียยกเครื่องเกณฑ์วีซ่า สกัดลักลอบทำงาน

เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2566 รัฐบาลออสเตรเลียเปิดตัวยุทธศาสตร์การย้ายถิ่นฐานชั่วคราวระยะเวลา 10 ปี ซึ่งเป็นการยกเครื่องกฎเกณฑ์การรับชาวต่างชาติเข้าประเทศให้เข้มงวดมากขึ้น โดยมีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขวีซ่านักเรียนและวีซ่าแรงงานทักษะระดับกลาง (มีรายได้ขั้นต่ำ 70,000 ดอลลาร์ออสเตรเลียต่อปี)

การปรับเกณฑ์วีซ่านี้มุ่งปราบปรามการใช้วีซ่านักเรียนเป็น “ประตูหลัง” หรือช่องทางลับสำหรับนายจ้างที่ต้องการนำเข้าแรงงานทักษะต่ำ และช่องทางของชาวต่างชาติที่ต้องการทำงานอย่างไม่ตรงตามข้อกฎหมาย เช่น ขอวีซ่าเข้าไปเรียนแล้วลักลอบทำงานมากเกินเวลาที่อนุญาต เป็นต้น

แคลร์ โอนีล (Clare O’Neil) รัฐมนตรีกระทรวงกิจการภายในประเทศของออสเตรเลียกล่าวว่า โครงการอพยพย้ายถิ่นฐานของออสเตรเลีย “พังทลาย” และทำให้ประเทศชาติและผู้คนที่ยื่นคำขอวีซ่ามาออสเตรเลียล้มเหลว ดังนั้น รัฐบาลจำเป็นต้องจัดการกับปัญหาการย้ายถิ่นฐานที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และการเข้าประเทศเพื่อวัตถุประสงค์อะไรบางอย่าง

ภายใต้การเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์นี้ ชาวต่างชาติที่ต้องการเดินทางเข้าออสเตรเลียด้วยวีซ่านักเรียนและวีซ่าทำงานจะต้องเผชิญกับข้อกำหนดที่เข้มงวดมากขึ้น

ยกตัวอย่างกฎเกณฑ์ที่ออสเตรเลียปรับใหม่ เช่น สำหรับวีซ่านักเรียน กำหนดคะแนน IELTS ขั้นต่ำเพิ่มจาก 5.5 เป็น 6.0, สำหรับการเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษ (ELICOS) กำหนดคะแนน IELTS ขั้นต่ำเพิ่มจาก 4.5 เป็น 5.0, สำหรับการเรียนหลักสูตรปูพื้นฐานของมหาวิทยาลัย หรือหลักสูตร Pathway กำหนดคะแนน IELTS ขั้นต่ำ 5.5, ลดเพดานอายุผู้ที่มีสิทธิสมัครวีซ่านักเรียน จากเดิมกำหนดอายุไม่เกิน 50 ปี เหลือไม่เกิน 35 ปี 

และผู้ที่ขอวีซ่านักเรียนจะต้องชี้แจงได้ชัดเจนว่าการศึกษานั้นจะช่วยยกระดับอาชีพการงานของตนเองได้อย่างไร ซึ่งจะส่งผลให้คนที่ขอไปศึกษาต่อระดับปริญญาโท-เอกในสาขาที่ไม่เกี่ยวข้องกับอาชีพการงานที่ทำอยู่จะต้องตอบคำถามหนักขึ้น 

รัฐบาลออสเตรเลียคาดว่าการปรับเกณฑ์วีซ่าจะลดจำนวนชาวต่างชาติที่เข้าประเทศออสเตรเลีย โดยจะลดลงเหลือปีละ 250,000 คนภายในปี 2568

อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกันรัฐบาลออสเตรเลียพิจารณาหาวิธีที่จะนำเข้าแรงงานทักษะต่ำ ซึ่งมีคุณสมบัติไม่ถึงเกณฑ์รายได้ 70,000 ดอลลาร์ออสเตรเลียต่อปี (ทักษะระดับกลาง) แต่เป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับภาคส่วนที่สำคัญ เช่น อุตสาหกรรมการให้การดูแลและบริการ (Care Industry) 

พร้อมกันนี้ รัฐบาลออสเตรเลียประกาศใช้วีซ่าผู้เชี่ยวชาญประเภทใหม่สำหรับผู้ที่มีรายได้มากกว่า 135,000 ดอลลาร์ออสเตรเลียต่อปี ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้จะมุ่งเป้าไปที่การดึงดูดผู้มีทักษะสูงในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต เช่น ไซเบอร์หรือเทคโนโลยีสีเขียวที่อาจไม่สามารถหาบุคคลในออสเตรเลียที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับงานได้ 

แคนาดาให้แสดงเงินในบัญชีเพิ่มเท่าตัว

ฝั่งรัฐบาลแคนาดาประกาศแก้ไขเกณฑ์ข้อกำหนดสำหรับนักเรียน-นักศึกษาต่างชาติเมื่อวันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยกำหนดจำนวนเงินขั้นต่ำในการแสดงหลักฐานทางการเงินเพิ่มขึ้นเท่าตัว สำหรับผู้ขอวีซ่านักเรียน-นักศึกษา ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2024 เป็นต้นไป

วัตถุประสงค์หลัก คือ ต้องการให้นักเรียนและนักศึกษามีค่าใช้จ่ายเพียงพอต่อค่าครองชีพในประเทศที่พุ่งสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะปัญหาค่าที่พักอาศัยแพงเกินไป

กฎเกณฑ์ใหม่กำหนดว่า ผู้สมัครวีซ่าจะต้องแสดงหลักฐานว่าตนเองมีเงินในบัญชีหรือมีสิทธิเข้าถึงเงินจำนวน 20,635 ดอลลาร์แคนาดา แทนข้อกำหนดเดิมที่กำหนดไว้ 10,000 ดอลลาร์แคนาดาซึ่งหลักฐานทางการเงินดังกล่าว เป็นเงินที่นอกเหนือจากค่าเล่าเรียนปีแรกและค่าเดินทาง

โดยข้อกำหนดหลักฐานการเงินนี้ถูกปรับตามเกณฑ์ค่าครองชีพในแคนาดา หรือ LICO (low-income cut-off) ซึ่งล่าสุดกำหนด 75% ของรายได้ขั้นต่ำในประเทศ เป็นค่าครองชีพที่นักศึกษาสามารถใช้จ่ายได้โดยไม่เกินค่าเฉลี่ยความจำเป็น ทั้งนี้ อัตราเดิมที่กำหนดไว้ 10,000 ดอลลาร์แคนาดานั้นถูกใช้มานานกว่า 2 ทศวรรษ

ขณะเดียวกัน รัฐบาลแคนาดาจะยกเลิกกฎหมายทำงานที่อนุญาตให้ผู้ถือวีซ่านักเรียนสามารถทำงานได้มากกว่า 20 ชั่วโมง ตามที่ได้ผ่อนปรนในปีที่ผ่านมาจนถึงวันที่ 30 เมษายน 2024 ด้วย

นายมาร์ก มิลเลอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงตรวจคนเข้าเมือง ผู้ลี้ภัย และความเป็นพลเมืองของแคนาดา (IRCC) ให้ข้อมูลอัพเดตเกี่ยวกับนโยบาย 3 ประการที่เคยใช้ชั่วคราวก่อนหน้านี้ ซึ่งนโยบายทั้งหมดจะหมดอายุในสิ้นปี 2566 ดังนี้ 

1.ขยายสิทธิทำงาน 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์แก่นักศึกษาต่างชาติไปจนถึงวันที่ 30 เมษายน 2567 ครอบคลุมนักศึกษาต่างชาติที่อยู่ในแคนาดาปัจจุบัน และผู้สมัครที่ได้ยื่นคำขอใบอนุญาตการศึกษา ณ วันที่ 7 ธันวาคม 2566

2.ให้นักศึกษาต่างชาติสามารถใช้เวลาเรียนออนไลน์มานับได้ไม่เกิน 50% ของหลักสูตรการศึกษา จะยังคงใช้สำหรับนักศึกษาที่เริ่มการศึกษาก่อนวันที่ 1 กันยายน 2567

และ 3.ไม่ขยายเวลาใช้นโยบายชั่วคราวที่อนุญาตให้นักศึกษาทำงานในแคนาดาหลังเรียนจบได้ 18 เดือน ซึ่งจะหมดอายุภายใน 31 ธันวาคม 2566