“หลี่เฉียง” เบอร์ 2 จีนเยือนรัสเซีย มีพบ “ปูติน” ครั้งแรก ตั้งแต่ยูเครนบุกเข้าแคว้นเคิร์สก์

หลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีนพบหารือวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ในวงประชุมที่กรุงมอสโก เมื่อ 21 สิงหาคม 2567 (ภาพจากสำนักข่าวสปุตนิก ผ่านทางรอยเตอร์)

หลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน เยือนประเทศรัสเซีย พบวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย เพื่อ “กระชับความสัมพันธ์” ถือเป็นการเยือนรัสเซียครั้งแรกของเจ้าหน้าที่ระดับสูงจีน นับตั้งแต่ยูเครนบุกเข้าแคว้นเคิร์สก์ของรัสเซีย ในโอกาสนี้ได้หารือกับนายกรัฐมนตรีรัสเซียด้วย ตามกรอบการประชุมประจำปี

วันที่ 22 สิงหาคม 2024 ซีเอ็นเอ็นและรอยเตอร์รายงานว่า หลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน เตรียมพบกับผู้นำรัสเซียในกรุงมอสโกในวันพุธที่ 21 สิงหาคมเวลาท้องถิ่น ในระหว่างการเดินทางเยือนรัสเซียและพันธมิตรเบลารุสระยะเวลา 4 วัน ถือเป็นการเยือนรัสเซียครั้งแรกของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีน นับตั้งแต่กองกำลังยูเครนบุกโจมตีพื้นที่ชายแดนรัสเซียในแคว้นเคิร์สก์แบบสายฟ้าแลบเมื่อสองสัปดาห์ก่อน ขณะที่รัฐบาลจีนเมินเฉยต่อคำวิจารณ์จากชาติตะวันตกเกี่ยวกับความสัมพันธ์อันเหนียวแน่นกับรัฐบาลรัสเซียท่ามกลางสงครามยูเครน

ตามรายงานของสำนักข่าวทาสส์ (Tass) สื่อทางการรัสเซีย รายงานว่า นายหลี่ ผู้นำเบอร์ 2 ของจีนในสมัยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง พบกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย และหารือเกี่ยวกับความร่วมมือและความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์ระหว่างจีนและรัสเซียกับนายกรัฐมนตรีมิคาอิล มิชุสติน ของรัสเซีย ด้านกระทรวงต่างประเทศจีนระบุในการแถลงข่าวประจำวันว่า นายกรัฐมนตรีหลี่จะปิดท้ายทริปการเยือนวันที่ 4 ในประเทศเบลารุส ซึ่งนายหลี่มีกำหนดพบหารือกับนายโรมัน โกลอฟเชนโก นายกรัฐมนตรีเบลารุส เพื่อ “แลกเปลี่ยนมุมมองเชิงลึกเกี่ยวกับความสัมพันธ์สองประเทศและความร่วมมือในหลากหลายสาขา”

หลังจากเดินทางมาถึงสนามบินวนูกูโว (Vnukovo) ในกรุงมอสโก เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นายหลี่ได้รับการต้อนรับจากเจ้าหน้าที่รัสเซียและกองเกียรติยศ นายหลี่ชื่นชมความสัมพันธ์สองประเทศ “ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและรัสเซียในยุคใหม่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและพลังใหม่ โดยมีความไว้วางใจทางการเมืองซึ่งกันและกันที่แข็งแกร่งขึ้น ความร่วมมือที่เกิดผลในหลากหลายสาขา มิตรภาพที่หยั่งรากลึก และการประสานงานระหว่างประเทศที่ใกล้ชิดและมีประสิทธิภาพ” หลี่กล่าวในแถลงการณ์ที่เผยแพร่เมื่อเดินทางมาถึง และเสริมว่าการเยือนครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อ “กระชับความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ต่อกัน”

รัสเซียกำลังดิ้นรนเพื่อตอบโต้การโจมตีดังกล่าว ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่กองกำลังต่างชาติบุกเข้าสู่ดินแดนของรัสเซียนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง และเกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันที่เพิ่มขึ้น เพื่อให้ยุติสงครามในยูเครน ซึ่งเริ่มขึ้นในปี 2022 รัสเซียรุกรานยูเครนอย่างเต็มรูปแบบ

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีนเรียกร้องให้ “ทุกฝ่าย” อย่าขยายสนามรบ ยกระดับการสู้รบ และ “เติมเชื้อไฟ” โดยกล่าวว่าจีนจะทำงานต่อไปเพื่อ “การยุติวิกฤตทางการเมือง” ซีเอ็นเอ็นรายงานอีกว่า รัฐบาลจีนเผชิญกับการตรวจสอบและแรงกดดันที่เพิ่มมากขึ้นจากตะวันตกให้จำกัดการส่งออกสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ทั้งทางทหารและพลเรือน เช่น อวกาศ การผลิต และอุปกรณ์เทคโนโลยีไปยังรัสเซีย ซึ่งผู้นำตะวันตกและยูเครนกล่าวหาว่าสินค้าเหล่านี้ช่วยหนุนความพยายามของรัสเซียในการทำสงครามกับรัสเซีย

ADVERTISMENT

ซีเอ็นเอ็นระบุว่า เจ้าหน้าที่จีนพยายามเสนอตัวเป็นประเทศที่เป็นกลางและต้องการเป็นตัวกลางสันติภาพในสงคราม แต่กลับมีการติดต่อระดับสูงกับรัฐบาลยูเครนเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับการเยี่ยมเยือนรัฐบาลรัสเซีย ในขณะที่ยังคงกระชับความสัมพันธ์กับมอสโกในด้านการค้า การทูต และความมั่นคง ส่วนกับรัฐบาลยูเครน จีนได้ต้อนรับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเครนเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนที่แล้ว นับตั้งแต่รัสเซียรุกรานประเทศเมื่อเกือบสองปีครึ่งมาแล้ว

การประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีหลี่ ซึ่งดูแลนโยบายเศรษฐกิจ และนายมิคาอิล มิชุสติน นายกรัฐมนตรีรัสเซีย ที่มีภูมิหลังเป็นนักเศรษฐศาสตร์ ในวันพุธที่ 21 สิงหาคม เวลาท้องถิ่น ตามคำเชิญของฝ่ายนายกรัฐมนตรีรัสเซีย เป็นส่วนหนึ่งของการหารือประจำปีที่จัดขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1996 ซึ่งถือเป็นแนวทางในการนำความร่วมมือไปปฏิบัติให้เกิดผล ตามทิศทางที่ประธานาธิบดีสีและปูตินกำหนดไว้ เจ้าหน้าที่ทั้งสองคาดว่าจะหารือเกี่ยวกับ “ความร่วมมือที่ครอบคลุมและการโต้ตอบเชิงกลยุทธ์” ของประเทศต่าง ๆ รวมถึงในด้านการค้าและเศรษฐกิจ

ADVERTISMENT

ตามข้อมูลศุลกากรของจีน การค้าระหว่างจีนและรัสเซียพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อปีที่แล้ว โดยเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้เดิมที่ 240,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 8.2 ล้านล้านบาท ก่อนกำหนด ปัจจัยมาจากการที่รัสเซียพึ่งพาตลาดสินค้าและการลงทุนของจีนอย่างมาก ตั้งแต่ถูกคว่ำบาตรจากนานาชาติอย่างกว้างขวาง หลังจากที่รัสเซียบุกยูเครน และการค้าทวิภาคีเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 ใน 4 เมื่อเทียบเป็นรายปีในปี 2023 เมื่อเทียบกับปี 2022 แต่เติบโตเพียงประมาณ 1.6% ระหว่างเดือนมกราคมถึงกรกฎาคมของปีนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2023