
ข่าวใหญ่ที่สุดในหน้าสื่อทั่วโลกในวันที่ 27 สิงหาคม 2024 หาใช่ข่าวการเมืองหรือข่าวเศรษฐกิจ แต่เป็นข่าววงการดนตรี เมื่อโอเอซิส (Oasis) วงดนตรีบริทป๊อปชื่อดังที่มีต้นกำเนิดจากเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ประกาศรียูเนียน หรือกลับมารวมตัวกันแสดงคอนเสิร์ตอีกครั้ง หลังจากแยกวงกันไปเมื่อปี 2009
ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา มีเสียงเรียกร้องจากแฟนเพลงทั่วโลกมาโดยตลอดว่าอยากให้โอเอซิสกลับมารวมวงกันอีกครั้ง แต่เนื่องจากความแตกแยกระหว่างสองพี่น้อง โนล กัลลาเกอร์ (Noel Gallagher) และเลียม กัลลาเกอร์ (Liam Gallagher) ซึ่งเป็นสมาชิกหลักของวงนั้นเป็นความแตกแยกระดับรุนแรง ยากจะประสาน จึงทำให้ระดับ “ความเป็นไปได้” ที่โอเอซิสจะกลับมารวมวงกันนั้นต่ำมาก ๆ
อย่างไรก็ตาม เรื่องเหนือความคาดหมายนี้ก็เกิดขึ้นแล้ว และได้สร้างความยินดีแก่แฟน ๆ โอเอซิสทั่วโลก และสร้างความคึกคักในวงการสื่อด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะสื่อในสหราชอาณาจักรและสื่อเฉพาะทางด้านดนตรี ที่ได้เอนเกจเมนต์ในโซเชียลมีเดียกันอย่างล้นหลามจากการรายงานข่าวที่เกี่ยวข้อง เรื่อยมาตั้งแต่มีข่าวลือออกมาก่อนหน้านี้ จนกระทั่งมีการยืนยันอย่างเป็นทางการในวันที่ 27 สิงหาคมนี้ สื่อใหญ่ทั่วโลกก็ล้วนรายงานข่าวนี้กันอย่างพร้อมเพรียง
การกลับมาของโอเอซิสได้กำหนดแสดงคอนเสิร์ตรวม 14 รอบในช่วงเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม 2025 โดยเลือกเปิดการแสดงใน 5 เมือง ใน 4 ประเทศ (3 ประเทศอยู่ในสหราชอาณาจักร) ได้แก่ คาร์ดิฟฟ์ ประเทศเวลส์, แมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ, ลอนดอน ประเทศอังกฤษ, เอดินเบอะระ ประเทศสกอตแลนด์ และดับลิน ประเทศไอร์แลนด์
มิติหนึ่งที่น่าสนใจคือ การกลับมาของโอเอซิสน่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหราชอาณาจักรได้อย่างยิ่งใหญ่จนอาจจะเรียกได้ว่าเป็น Supernomics (จากชื่อเพลง Supersonic ซึ่งเป็นเพลงสำคัญของวง) เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่า คอนเสิร์ตใหญ่ ๆ ทุกครั้งจะดึงดูดผู้เข้าชมได้เป็นจำนวนมาก จะมีการเดินทาง การพักค้างแรม และการจับจ่ายใช้สอยที่เกี่ยวข้อง อย่างที่มีการกล่าวถึงพลานุภาพของทัวร์คอนเสิร์ตของเทย์เลอร์ สวิฟต์ (Taylor Swift) ที่เรียกว่า Swiftnomics ซึ่งเพิ่งสิ้นสุดการทัวร์สหราชอาณาจักรไปเมื่อเร็ว ๆ นี้
น่าคิดว่าเมื่อเทียบกับคอนเสิร์ตของศิลปินรายอื่น ๆ ที่มีจำนวนผู้ชมเท่ากัน และในจำนวนรอบการแสดงที่เท่ากัน คอนเสิร์ตของโอเอซิสมีแนวโน้มที่จะมีส่วนหนุนเศรษฐกิจสหราชอาณาจักรได้มากกว่าหรือไม่ เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่า การกลับมาของโอเอซิสนั้นเปิดการแสดงแค่ใน 4 ประเทศอย่างที่กล่าวไป เมื่อศิลปินไม่มีการออกเวิลด์ทัวร์ ก็ย่อมจะมีแฟน ๆ จากทั่วโลกเดินทางไปชมคอนเสิร์ตที่จัดขึ้นในสหราชอาณาจักรมากกว่าคอนเสิร์ตของศิลปินอื่นที่มีเวิลด์ทัวร์ ซึ่งผู้ชมที่เดินทางไปจากต่างประเทศย่อมมีความจำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายมากกว่าผู้ชมภายในประเทศในจำนวนที่เท่ากัน
จากข้อสันนิษฐานนี้ “ประชาชาติธุรกิจ” ลองค้นหาข้อมูลว่ามีการคาดการณ์ผลกระทบทางเศรษฐกิจกันออกมาแล้วหรือยัง
ในเบื้องต้น พบการรายงานของ อีฟนิง สแตนดาร์ด (Evening Standard) และ เดอะ เฮราลด์ (The Herald) ซึ่งเป็นสื่อในสหราชอาณาจักร ที่พาดหัวข่าวว่า การรียูเนียนของโอเอซิสจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรในระดับ Supersonic (ด้วยความเร็วเหนือเสียง)
ในรายงานระบุว่า คอนเสิร์ตของโอเอซิสน่าจะช่วยหนุนเศรษฐกิจสหราชอาณาจักรได้อย่างมาก อาจจะใกล้เคียงกับทัวร์คอนเสิร์ตของเทย์เลอร์ สวิฟต์ ซึ่งธนาคารบาร์เคลย์ (Barclay) คาดว่าช่วยบูสต์เศรษฐกิสหราชอาณาจักรประมาณ 1,000 ล้านปอนด์ (ประมาณ 45,100 ล้านบาท) ผ่านการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้าไปยังเมืองที่จัดคอนเสิร์ต มีส่วนช่วยหนุนรายได้ของร้านอาหาร โรงแรม และสถานที่ท่องเที่ยวในเมือง
โทมัส พิวจ์ (Thomas Pugh) นักเศรษฐศาสตร์จากบริษัทบัญชี อาร์เอสเอ็ม ยูเค (RSM UK) กล่าวว่า ทัวร์คอนเสิร์ตของโอเอซิส จะต้องขายบัตรหมดเกลี้ยงอย่างแน่นอน ซึ่งจะส่งผลให้ความต้องการที่พักและการบริการในเมือง-ที่โชคดีพอที่จะได้จัดคอนเสิร์ต-เพิ่มสูงขึ้นด้วย
“นี่อาจเป็นโอกาสที่จะทำกำไรได้มากสำหรับอุตสาหกรรมการบริการ โดยเฉพาะผู้ประกอบการโรงแรม” เขายกตัวอย่างมาเทียบเคียงว่า คอนเสิร์ตเทย์เลอร์ สวิฟต์ และวงฟูไฟเตอร์ส (Foo Fighters) ทำให้ราคาห้องพักของโรงแรมในคาร์ดิฟฟ์พุ่งขึ้นสูงถึง 500% ซึ่งคอนเสิร์ตโอเอซิสก็อาจทำได้ในระดับเดียวกัน หรือใกล้เคียง
สำหรับเมืองแมนเชสเตอร์ ที่เป็นทั้งบ้านเกิดของสมาชิกและบ้านเกิดของวงโอเอซิสซึ่งจะได้จัดคอนเสิร์ต 4 รอบนั้น ซาชา ลอร์ด (Sacha Lord) ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจกลางคืนของหน่วยงานบริหารเกรเตอร์แมนเชสเตอร์ (Greater Manchester) ประเมินว่า คอนเสิร์ตของโอเอซิสจะหนุนเศรษฐกิจของเมืองแมนเชสเตอร์มากกว่า 15 ล้านปอนด์ (ประมาณ 676 ล้านบาท)
“ผลกระทบจากการต้อนรับผู้คนคืนละ 80,000 คน สำหรับการแสดง 4 รอบ ที่วางแผนจัดการแสดงที่ ฮีตตัน พาร์ก (Heaton Park) นั้นไม่อาจประเมินค่าต่ำเกินไป” ลอร์ดกล่าว
“งานอีเวนต์ไม่ได้มีแค่การขายตั๋วเพียงอย่างเดียว แต่ยังส่งผลกระทบอย่างมหาศาลต่อท้องถิ่น โรงแรม ผับ บาร์ และร้านอาหารของเราทั้งหมดจะได้รับประโยชน์จากงานนี้ รวมถึงชั่วโมงทำงานพิเศษของพนักงาน ไปจนถึงการที่ทั่วโลกกลับมาสนใจภูมิภาคและประวัติศาสตร์วัฒนธรรมของภูมิภาคนี้อีกครั้ง”
ซูซานนาห์ สตรีเทอร์ (Susannah Streeter) นักวิเคราะห์จากบริษัทการเงิน ฮาร์กรีฟส์ แลนส์ดาวน์ (Hargreaves Lansdown) กล่าวว่า การที่เว็บไซต์ประกาศข่าวคอนเสิร์ตของโอเอซิสล่มในวันนี้แสดงให้เห็นว่า แฟน ๆ โอเอซิสรู้สึกสิ้นหวังเพียงใดในการที่จะได้ชมคอนเสิร์ตของสองพี่น้องคู่นี้อีกครั้ง และหากพวกเขาประสบความสำเร็จในการคว้าตั๋วคอนเสิร์ตมาได้ พวกเขาก็ไม่น่าจะยับยั้งใจที่จะจ่ายเงิน
“คาดว่าอำนาจซื้อของเหล่าสวิฟตีส์ (Swifties – แฟนคลับเทย์เลอร์ สวิฟต์) จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรได้ 1,000 ล้านปอนด์ และแม้ว่าแฟน ๆ ของวงโอเอซิสอาจไม่ใช้จ่ายสูงถึงขนาดนั้น แต่พวกเขาไม่น่าจะยั้งใจที่จะควักเงินจ่ายเพื่อเฉลิมฉลองการกลับมาของพี่น้องโอเอซิส”
เคต นิโคลล์ส (Kate Nicholls) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารขององค์กรผู้ประกอบการภาคธุรกิจบริการ ยูเคฮอสพิทาลิตี้ (UKHospitality) กล่าวว่าเห็นได้ชัดว่ากระแสดนตรีสดยังคงแรงอย่างต่อเนื่อง โรงแรมต่าง ๆ จะถูกจองเต็มอย่างรวดเร็วเมื่อแฟน ๆ จองตั๋วได้ และผับ บาร์ และร้านอาหารต่าง ๆ จะเต็มไปด้วยแฟน ๆ ที่ไปชมคอนเสิร์ตในฤดูร้อนปีหน้า
ด้าน จอสส์ ครอฟต์ (Joss Kroft) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ยูเคอินบาวนด์ (UKinbound) ซึ่งเป็นองค์กรผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวในสหราชอาณาจักรกล่าวว่า อีเวนต์ดนตรีขนาดใหญ่ ๆ นั้น “ไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมดนตรีของสหราชอาณาจักรเท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวขาเข้าของเราได้เป็นอย่างดี โดยดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาสัมผัสประสบการณ์ที่ดีที่สุดที่สหราชอาณาจักรมีให้”