‘พิชัย’ เผยข้อเสนอใหม่ เปิดตลาดสินค้าเกษตรให้สหรัฐมากขึ้น หวังลดภาษี 36 %

พิชัย ชุณหวชิร
โรเบิร์ต เอฟ. โกเดค เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทยและนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

‘พิชัย’ เผยข้อเสนอใหม่ เปิดตลาดสินค้าเกษตรให้สหรัฐมากขึ้น ตั้งเป้าลดเกินดุล 70% ใน 5 ปี ย้ำประโยชน์แบบ Win-Win 

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้สัมภาษณ์บลูมเบิร์ก (Bloomberg) เมื่อ 6 กรกฎาคม 2025 ว่าประเทศไทยยื่นข้อเสนอใหม่เปิดโอกาสให้สหรัฐเข้าถึงตลาดสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมได้มากขึ้น เพิ่มการซื้อสินค้าพลังงานและเครื่องบินโบอิ้ง เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) อัตรา 36% ที่ถูกกำหนดฝ่ายเดียวจากรัฐบาลทรัมป์

ข้อเสนอนี้มุ่งหวังที่จะลดดุลการค้าของไทยกับสหรัฐที่ไทยเกินดุลมูลค่า 46,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.48 ล้านล้านบาท) ลง 70% ภายใน 5 ปี และตั้งเป้าหมายบรรลุจุดสมดุลภายใน 7-8 ปี

การปรับแก้ข้อเสนอของฝ่ายไทยดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่นายพิชัยประชุมกับนายจามีสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ และนายไมเคิล ฟอลเคนเดอร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการคลังเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา ในการเจรจาภาษีระดับรัฐมนตรีครั้งแรก

นายพิชัยกล่าวว่า เนื่องจากสินค้าของสหรัฐจำนวนมาก ซึ่งจะสามารถเข้าถึงตลาดของไทยได้มากขึ้นนั้น (ตามข้อเสนอใหม่) มีปริมาณไม่เพียงพอในประเทศ จึงไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรหรือผู้ผลิตในประเทศ

“สิ่งที่เราเสนอให้พวกเขาเป็นข้อเสนอที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าว

“สหรัฐสามารถค้าขายกับเราได้มากขึ้น และเราใช้โอกาสนี้ในการปรับปรุงกระบวนการของเราและลดขั้นตอนที่ยุ่งยาก” นายพิชัยกล่าว

ADVERTISMENT

ไทยเป็นหนึ่งในหลายประเทศที่กำลังเร่งทำข้อตกลงกับสหรัฐและหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรที่สูง หากไม่สามารถลดภาษีศุลกากรกับตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของไทยอย่างสหรัฐได้ อาจส่งผลให้การส่งออกสินค้าลดลงอย่างรวดเร็ว และและตัวเลขคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจไทยอาจลดลงถึง 1 จุดเปอร์เซ็นต์

เวียดนามซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านบรรลุข้อตกลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยทรัมป์ประกาศเก็บภาษีสินค้าส่งออก 20%  และเก็บภาษีสินค้าที่ถือเป็นสินค้าขนส่งผ่านแดน หรือยอมให้เป็นทางผ่าน 40%

นายพิชัยกล่าวว่า ไทยกำลังผลักดันให้เก็บภาษีในอัตราที่ดีที่สุดที่ 10% และเสริมว่าแม้จะอยู่ที่ 10% ถึง 20% ก็ยังถือว่ายอมรับได้ 

“สิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้นคือ ไทยได้รับข้อตกลงที่แย่ที่สุดในหมู่เพื่อนบ้านในภูมิภาค” 

รองนายกฯและรัฐมนตรีคลังกล่าวอีกว่า ไทยยังได้ปรับแผนการซื้อพลังงานจากสหรัฐโดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติเหลว และเครื่องบินโบอิ้งอย่างแข็งขันมากขึ้น โดยคาดว่าจะช่วยลดความไม่สมดุลทางการค้าได้อย่างมาก

โดยบริษัทปิโตรเคมีของไทย รวมถึงบริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ได้ให้คำมั่นว่าจะนำเข้าเอทานอลจากสหรัฐมากขึ้น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าสามารถซื้อ LNG จากโครงการก๊าซในอะแลสกาได้ 2 ล้านตันต่อปีในกรอบระยะเวลา 20 ปี ขณะที่หลายบริษัทที่รัฐเป็นเจ้าของกำลังพิจารณาผลประโยชน์ในการร่วมพัฒนาโครงการนี้ การบินไทยระบุว่าสามารถซื้อเครื่องบินโบอิ้งได้มากถึง 80 ลำในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

ขณะที่การส่งออกของประเทศไทยพุ่งขึ้นประมาณ 15% ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ โดยส่วนใหญ่เกิดจากคำสั่งซื้อล่วงหน้าในช่วง 90 วันของการระงับการขึ้นภาษี

การลดอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐถือเป็นกุญแจสำคัญในการปกป้องเศรษฐกิจไทยที่พึ่งพาการค้าไม่ให้ตกต่ำลงอีก การเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ภายใต้แรงกดดันจากหนี้ครัวเรือนที่สูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และการบริโภคภายในประเทศที่ซบเซา ข้อตกลงที่เป็นประโยชน์จะช่วยบรรเทาความกังวลของนักลงทุนที่เกิดจากความวุ่นวายทางการเมืองหลังจากศาลสั่งพักงานแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เนื่องจากประพฤติมิชอบทางจริยธรรมในการจัดการข้อพิพาทชายแดนกับกัมพูชา