ต่างประเทศ

คลื่นความร้อนยังลามทั่วยุโรป อุณหภูมิพุ่งใกล้ทำสถิติใหม่

คลื่นความร้อนที่แผ่ปกคลุมทั่วทวีปยุโรปมาหลายสัปดาห์ยังคงมีกำลังรุนแรง ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา อุณหภูมิของหลายประเทศในยุโรปพุ่งสูงขึ้น จนใกล้ทำสถิติร้อนที่สุดอีกครั้ง

ที่ฝรั่งเศสอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นถึงเกือบ 37 องศาเซลเซียสในพื้นที่ทางตอนใต้ของประเทศ ขณะที่ทางตอนเหนือมีการพยากรณ์ว่าอุณหภูมิจะเพิ่มขึ้นจนทำสถิติร้อนสูงสุดในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ หลังจากที่ได้ทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ไปแล้วเมื่อวันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าร้อนที่สุดนับตั้งแต่ปี 2546

รัฐมนตรีสาธารณสุขฝรั่งเศสได้ขอให้ผู้คนปรับตัวเพื่อรับมือกับความร้อนและดูแลตนเองให้ดี พร้อมกับดื่มน้ำให้มากและต้องทานอาหารรวมถึงเกลือด้วย

ในสเปนยอดผู้เสียชีวิตจากคลื่นความร้อนเพิ่มขึ้นเป็น 7 ราย ขณะที่เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมไฟป่าซึ่งเกิดขึ้นในพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศติดกับชายแดนประเทศโปรตุเกสได้แล้ว อย่างไรก็ดีอุณหภูมิยังคงอยู่ในระดับสูงโดยเฉพาะในพื้นที่ทางตอนใต้ที่ราว 40-42 องศาเซลเซียส

ส่วนที่โปรตุเกสมีรายงานว่าขณะนี้อุณหภูมิลดต่ำลงกว่า 45 องศาเซลเซียสเล็กน้อย และมีแนวโน้มที่จะลดต่ำลงอีกในอีกไม่กี่วันข้างหน้า อย่างไรก็ดีอุณหภูมิที่ลดต่ำลงยังไม่มากพอที่จะช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมไฟป่าที่เกิดขึ้นภายในประเทศได้ ทางการโปรตุเกสต้องอพยพผู้คนออกจากพื้นที่ทางตอนใต้ที่ได้รับผลกระทบจากไฟป่า โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บแล้ว 24 คน ในจำนวนนี้ 1 คนอาการสาหัส

ในประเทศเยอรมนีมีการคาดการณ์ว่าอุณหภูมิจะเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้งในช่วงกลางสัปดาห์นี้ไปอยู่ที่ 39 องศาเซลเซียสก่อนที่จะลดต่ำลง โดยอุณหภูมิเฉลี่ยตั้งแต่เดือนเมษายน-กรกฎาคม ที่ผ่านมาสูงกว่าในช่วงปี 2504-2533 ถึง 3.6 องศาเซลเซียส

ขณะที่เกษตรกรเยอรมนียังคงร้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลหลังจากที่พืชผลการเกษตรที่ปลูกได้รับความเสียหายสูงถึง 70% ในบางพื้นที่ ทั้งนี้เมื่อวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา โรงเรียนใน 3 รัฐของเยอรมนีเปิดทำการสอนอีกครั้ง แต่หลายโรงเรีย

นต้องอนุญาตให้นักเรียนกลับบ้านก่อนกำหนดจากคลื่นความร้อน

เช่นเดียวกับอุณหภูมิของประเทศในแถบสแกนดิเนเวียที่เพิ่มสูงขึ้นจนเป็นเหตุให้มีปัญหาในหลายจุด อาทิ สวีเดนที่เกิดปัญหาไฟป่าในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ขณะที่ซูเปอร์มาร์เก็ตในฟินแลนด์เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อช่วยให้ลูกค้ามีที่พักพิงหลบร้อน

 

ที่มา : มติชนออนไลน์