“ซาอุดี อารัมโก” ประกาศ IPO ครั้งแรก ตั้งเป้าบริษัทมูลค่าสูงสุดในโลก

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ซาอุดี อารัมโก บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของซาอุดีอาระเบียประกาศเดินหน้าแผนการระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ (ไอพีโอ) อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 3 พ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งถูกจับตามองว่าจะเป็นการเปิดขายหุ้นต่อสาธารณะที่มีมูลค่าสูงสุด

แหล่งข่าวเปิดเผยกับรอยเตอร์สว่า ซาอุดี อารัมโกจะดำเนินการขายหุ้นไอพีโอใน ตลาดหลักทรัพย์ตอดาวุล (Tadawul) ของซาอุดิอาราเบียราว 1-2% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท โดยคาดว่าจะสามารถระดมทุนได้ประมาณ 20,000 – 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนับเป็นการระดมทุนที่มากที่สุด นับตั้งแต่ที่ “อาลีบาบา” บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของจีนเคยทำไว้ในปี 2014 ที่มูลค่า 25,000 ล้านดาลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น ราคาไอพีโอ, จำนวนหุ้น รวมถึง กำหนดการเปิดขายหุ้น ยังไม่เป็นที่แน่ชัด

แต่ “อามิน นาสเซอร์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของซาอุดี อารัมโก กล่าวว่า บริษัทเตรียมจะออกหนังสือชี้ชวน ให้ซื้อหุ้นในวันที่ 9 พ.ย. นี้

นักวิเคราะห์ประเมินมูลค่าของบริษัทซาอุดี อารัมโกไว้ที่ประมาณ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐซึ่งต่ำกว่าที่มกุฎราชกุมาร บิน ซาลมาน เคยประเมินไว้ที่ 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อ 4 ปีก่อน อย่างไรก็ตาม การประเมินดังกล่าวยังส่งผลให้ ซาอุดี อารัมโก เป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก มากกว่า “ไมโครซอฟต์” และ “แอปเปิล” บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา โดยแต่ละบริษัทมีมูลค่าราว 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น

ในปี 2016-2018 ซาอุดี อารัมโกขุดเจาะน้ำมันดิบได้ 1 ใน 8 ของปริมาณน้ำมันดิบที่ผลิตได้ทั่วโลก จากการประมาณการณ์ของรอยเตอร์ส กำไรของซาอุดี อารัมโกในไตรมาสที่ 3/2019 อยู่ที่ 21,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่อย่าง “เอกซ์ซอน โมบิล” ทำกำไรได้เพียง 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสเดียวกัน

นอกจากนี้ “ซาอุดี อารัมโก” ยังมีแผนการเสนอขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ในประเทศอื่น ๆ อีกด้วย แต่แผนการระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ในต่างประเทศยังไม่มีกำหนดการที่แน่ชัด

การนำซาอุดี อารัมโกซึ่งบริษัทพลังงานที่ถือครองโดยรัฐเข้าตลาดหุ้นเป็น “แผนการปฏิรูปเศรษฐกิจประเทศ” ของเจ้าชาย บิน ซาลมาน เพื่อลดการพึ่งพารายได้จากน้ำมันเป็นหลัก โดยการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานประเทศและพัฒนาอุตสาหกรรมอื่น ๆ กระนั้นเหตุการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ อาทิ กรณีฆาตกรรมนายจามาล คาชอกกี้ นักหนังสือพิมพ์ รวมถึงการโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของซาอุดี อารัมโก ส่งผลกระทบต่อแผนปฏิรูปเศรษฐกิจของพระองค์และการประเมินมูลค่าของซาอุดี อารัมโกอีกด้วย

ก่อนหน้านี้ ในปี 2018 ซาอุดี อารัมโกมีแผนเสนอขายหุ้นสัดส่วน 5% ในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ แต่แผนดังกล่าวต้องชะลอออกไป เนื่องจากทางการซาอุดีอาระเบียยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่า จะนำหุ้นไปขายตลาดหลักทรัพย์ของประเทศใด รวมถึงรัฐบาลได้หันมาสนใจ “การควบรวมกิจการกับบริษัทปิโตรเคมี”

แผนการระดมทุนถูกนำมาพิจารณาอีกครั้งภายหลังการเสนอขายหุ้นกู้ของซาอุดี อารัมโกเป็นครั้งแรกและประสบความสำเร็จในเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา โดยแหล่งข่าวเปิดเผยกับรอยเตอร์สว่า ก่อนหน้านี้ “ซาอุดี อารัมโกมีแผนประกาศการดำเนินการไอพีโออย่างเป็นทางการในวันที่ 20 ต.ค. ปีนี้ แต่แผนดังกล่าวถูกเลื่อนออกมา เนื่องจากที่ปรึกษาทางการเงินต้องการเวลาเพิ่มขึ้นในการหาผู้ลงทุนหลักโดยเฉพาะเจาะจง (Cornerstone Investor)”

ทั้งนี้ ซาอุดี อารัมโกตั้งเป้าจะจ่ายปันผลเป็นเงินสดในปี 2020 จำนวนเงิน 75,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 5% หากบริษัทถูกประเมินมูลค่าไว้ที่ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งน้อยกว่าบริษัทพลังงานรายอื่นอย่าง “เชลล์” ที่ให้อัตราผลตอบแทนที่ 6%