สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า สหรัฐอเมริกาเตรียมผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในบางรัฐที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ดีขึ้น โดยจะอนุญาตให้ภาคธุรกิจบางส่วนกลับมาดำเนินการได้ตามปกติ ภายใต้คำแนะนำและข้อกำหนดใหม่ที่บังคับใช้เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้แถลงข่าวระบุว่า รัฐบาลกลางสหรัฐได้กำหนดคำแนะนำแนวทาง 3 ระยะให้กับฝ่ายบริหารของรัฐต่าง ๆ ในการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และการฟื้นฟูเศรษฐกิจ “เราไม่ได้จะกลับมาเปิดทั้งหมดในครั้งเดียว แต่เป็นการปฏิบัติตามแนวทางระยะแรกอย่างระมัดระวัง”
โดยแนวทางดังกล่าวระบุว่า รัฐที่จะสามารถเริ่มผ่อนคลายมาตรการในระยะที่ 1 ได้ จะต้องมีความพร้อมในการจัดการกับโรคระบาด โดยโรงพยาบาลต้องมีระบบการทดสอบหาเชื้อที่มีประสิทธิภาพ ต้องมีการตรวจสอบคัดกรองผู้ที่แสดงอาการคล้ายผู้ป่วยโควิด-19 และมีความสามารถในการติดตามผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังต้องมีความสามารถในการจัดหาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ป้องกันโรคส่วนบุคคลได้อย่างทั่วถึง และพร้อมรับมือหากมีการแพร่ระบาดขึ้นมาอีกครั้ง
ทั้งนี้ ระยะที่ 1 ของแนวทางผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ได้แนะนำให้งดเว้นการรวมกลุ่มมากกว่า 10 คนขึ้นไปในพื้นที่ที่ไม่สามารถเว้นระยะห่างทางสังคมได้ ลดการเดินทางที่ไม่จำเป็นให้น้อยที่สุด ส่งเสริมการทำงานที่บ้าน และปิดพื้นที่ส่วนกลางของสถานที่ต่าง ๆ แต่จะมีการอนุญาตให้สถานที่สาธารณะอย่างโรงภาพยนตร์ ร้านอาหาร สนามกีฬา สถานที่ออกกำลังกาย และศาสนสถาน สามารถเปิดดำเนินการได้ภายใต้ข้อกำหนดการเว้นระยะห่างทางสังคมที่เข้มงวด แต่สถานศึกษาและสถานบันเทิงจะยังคงปิดทำการ
ซึ่งหากรัฐใดไม่มีสัญญาณการแพร่ระบาดอีกครั้งจะสามารถดำเนินการผ่อนคลายระยะที่ 2 โดยหลีกเลี่ยงการรวมกลุ่มเกิน 50 คนในพื้นที่ที่ไม่สามารถเว้นระยะห่างทางสังคมได้ อนุญาตให้สามารถการเดินทางโดยไม่จำเป็นได้ เปิดทำการโรงเรียนและค่ายเยาวชนต่าง ๆ รวมถึงสถานบันเทิงด้วย ส่วนระยะที่ 3 คือการเข้าใกล้ภาวะปกติ โดยทุกภาคส่วนสามารถเปิดดำเนินการได้ตามปกติ แต่ต้องมีมาตรฐานด้านสุขอนามัยที่สูงขึ้นและรักษาการเว้นระยะห่างทางสังคมเท่าที่จะทำได้
ทั้งนี้ มาตรการควบคุมโรคของรัฐบาลกลางสหรัฐจะมีผลถึงสิ้นเดือนนี้ แต่ประธานาธิบดีทรัมป์ระบุว่า บางรัฐที่มีสถานการณ์ดีขึ้นสามารถเริ่มผ่อนคลายมาตรการระยะแรกได้ภายในเดือนนี้ โดยขณะนี้มี 29 รัฐที่มีความเป็นไปได้ที่จะกลับมาเปิดดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจอีกครั้ง
“การล็อกดาวน์เป็นเวลานานประกอบกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในวงกว้าง ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหายาเสพติด การเสพติดสุรา การฆ่าตัวตาย และภาวะโรคหัวใจ” ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าว
อย่างไรก็ตาม แนวทาง 3 ระยะดังกล่าวเป็นเพียงคำแนะนำจากรัฐบาลกลางไปยังฝ่ายบริหารของรัฐต่าง ๆ ไม่ถือเป็นคำสั่งโดยตรงของประธานาธิบดี ดังนั้นฝ่ายบริหารของรัฐต่าง ๆ จะมีอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบต่อการตัดสินใจผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในแต่ละพื้นที่
