นักข่าวสาวชาวญี่ปุ่นวัย 31 ปี เสียชีวิตเนื่องจากหัวใจล้มเหลว หลังจากทำงานล่วงเวลานานถึง 159 ชั่วโมง ในระยะเวลา 1 เดือน ร้องรัฐหันมาดูเเลต่อการตาย อันเกิดจากการทำงานหนักที่มีเพิ่มมากขึ้น
เอเอฟพี รายงานว่า ผลการสอบสวนของสำนักงานมาตรฐานแรงงานญี่ปุ่น เผยแพร่เมื่อวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมาระบุว่า “มิวะ ซาโดะ” นักข่าวสาวของสถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเคของญี่ปุ่น วัย 31 ปี เสียชีวิตเนื่องจากทำงานหนักมากเกินไป
โดยก่อนเสียชีวิตเธอทำงานล่วงเวลานานถึง 159 ชั่วโมง เเละรายงานข่าวเรื่องการเลือกตั้งท้องถิ่นที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ก่อนจะหยุดเพียง 2 วัน และเสียชีวิตเนื่องจากหัวใจล้มเหลว เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2556
สำนักงานมาตรฐานแรงงานในกรุงโตเกียว ชี้สาเหตุการตายของซาโดะว่า เกิดจาก “คาโรชิ” หรือตายจากการทำงานหนักเกินไป อย่างไรก็ตามทางเอ็นเอชเคเพิ่งจะนำออกเผยแพร่ต่อสาธารณะชน
นายมาซาฮิโกะ ยามาอุชิ เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสของสถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเค ยอมรับว่าการเสียชีวิตของซาโดะ เป็นความผิดพลาดขององค์กรทั้งหมด รวมไปถึงระบบการบริหารบุคลากรด้วย
ด้านครอบครัวของซาโดะ เปิดเผยว่า แม้ว่าการเสียชีวิตของลูกสาวจะผ่านมานานถึง 4 ปีแล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่เคยลืม และไม่สามารถยอมรับได้ โดยหวังว่าการเสียชีวิตของลูกสาวจะไม่สูญเปล่าเเละขอให้เป็นอุทาหรณ์
สำหรับการเปิดเผยการตายของซาโดะครั้งนี้ น่าจะเป็นการเพิ่มแรงกดดันต่อรัฐบาลญี่ปุ่นให้หันมาใส่ใจต่อการตาย อันเกิดจากการทำงานหนักมากเกินไปเพิ่มมากขึ้น
ก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2559 หญิงสาวพนักงานบริษัทโฆษณาฆ่าตัวตาย หลังได้รับความกดดันจากการทำงานล่วงเวลา 100 ชั่วโมง ใน 1 เดือน กลายเป็นประเด็นถกเถียงกันทั่วญี่ปุ่นเกี่ยวกับสมดุลในการทำงาน พร้อมกับเรียกร้องให้จำกัดการทำงานล่วงเวลา
ทั้งนี้ รายงานจากการสำรวจแห่งชาติ ระบุว่า 1 ใน 5 ของคนทำงานในประเทศญี่ปุ่น เสี่ยงมีการเสียชีวิตจากการทำงานล่วงเวลา โดยเฉลี่ยประมาณ 80 ชั่วโมงต่อเดือน ขณะเดียวกันมีพลเมืองมี 2,000 รายต่อปี ที่ฆ่าตัวตาย เนื่องจากความเครียดจากการทำงาน