มูลค่า ‘บิตคอยน์’ รอวันพังพาบ ?

บิตคอยน์รอวันพังพาบ
ชีพจรเศรษฐกิจโลก
ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์

“บิตคอยน์” กับ “อีเทอเรียม” ทำ “ฮิสทอริกไฮ” ด้วยการดันมูลค่าตลาดผ่าน 1 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกเมื่อ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

หลังจากนั้น ก็ยังทำ “เฟรชไฮ” อีกต่อเนื่อง ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ และ 2 วันต่อมาราคาพุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 58,354 บิตคอยน์ต่อดอลลาร์เมื่อ 22 กุมภาพันธ์

เท่ากับว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาสัปดาห์เดียว มูลค่าของบิตคอยน์ (และสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ) ขยับขึ้นไปแล้วไม่น้อยกว่า 20% แต่ถ้านับเฉพาะช่วงไม่ถึง 2 เดือนของปีนี้ มูลค่าของบิตคอยน์พุ่งขึ้นไปแล้วถึง 200%

เบื้องหลังของการดีดขึ้นต่อเนื่อง 3-4 เท่าตัวนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ไม่มีอะไรมากไปกว่าการตบเท้าเข้ามาลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลของ “ขาใหญ่” ทั้งหลายมากขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายของ “มาสเตอร์การ์ด” และ “เทสลา”

แค่ซีอีโอเจ้าของตำแหน่งมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกอย่าง “อีลอน มัสก์” ออกมาเปรย ๆ ว่าจะลงทุนในบิตคอยน์ 1,500 ล้านดอลลาร์ ก็หนุนให้บิตคอยน์สร้างประวัติศาสตร์ได้สำเร็จ กระนั้นนักวิเคราะห์ใหญ่น้อย ตั้งแต่ “เจพี มอร์แกน” เรื่อยไปจนถึง “วินซ์ มาร์ติน” ที่คลุกคลีอยู่กับตลาดเงินตลาดทุนมานาน ก็ยังเตือนใครก็ตามที่คิดจะลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างบิตคอยน์ “ขอให้ระวังให้จงหนัก”

รายงานของ เจพี มอร์แกน บอกไว้ชัดเจนว่า ราคาบิตคอยน์ยามนี้ สูงเกินกว่าราคาที่ควรจะเป็นไปมาก ส่วนมาร์ตินชี้ให้เห็นไว้ง่าย ๆ ว่า ธรรมชาติของบิตคอยน์และสกุลเงินดิจิทัลทั้งหลายนั้น คือความผันผวน มีรุ่งมีร่วงอยู่ตลอดเวลา นับตั้งแต่ปรากฏต่อตลาดเป็นครั้งแรกในปี 2009

ที่สำคัญก็คือ บทจะขึ้น มูลค่าก็ดีดตัวขึ้นแรงและเร็วมาก บทจะทรุดก็ร่วงลงมาแบบสายฟ้าแลบได้เช่นเดียวกัน

ด้วยเหตุนี้ ที่ผ่านมาบิตคอยน์จึงสามารถสร้าง “เศรษฐีเงินล้าน” ได้ง่าย ๆ พอ ๆ กับที่ทำให้เศรษฐีหลายคนเป็น “ยาจก” ได้เร็วเหลือเชื่อเหมือนกัน

ไม่ต้องย้อนอดีตไปไกลนัก เอาแค่ปี 2017 จะพบว่า สถานการณ์ของบิตคอยน์ตอนนั้นกับในเวลานี้คล้ายคลึงกันอย่างยิ่ง เปิดศักราชขึ้นมาในวันปีใหม่ปีนั้น ราคาบิตคอยน์อยู่ที่ 1,000 ดอลลาร์ พอถึงเดือนธันวาคม 2017 พรวดขึ้นไปอยู่ที่ 18,000 ดอลลาร์ ว่ากันในตอนนั้นว่า 20,000 ดอลลาร์ไม่หนีไปไหนแน่นอน

แต่ปี 2018 กลับเลวร้ายพอ ๆ กับที่เคยดีเยี่ยมในปีก่อนหน้านี้ เดือนกุมภาพันธ์ปีนั้น มูลค่าบิตคอยน์ทรุดฮวบลงเหลือเพียงครึ่งเดียว เมื่อสิ้นปี 2018 ราคาก็กลับลงมาอยู่ที่ 4,000 ดอลลาร์อีกครั้ง

ถ้าใครย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์ของบิตคอยน์จะพบลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา อาทิ ในปี 2012 มูลค่าบิตคอยน์ร่วงลง 49% 2 ครั้ง หนึ่งในนั้นใช้เวลารูดลงเพียง 3 วันเท่านั้น หรือในปีถัดมา ที่ราคาบิตคอยน์ใช้เวลา 3 วันร่วงลงรวดเดียว 83% เป็นต้น

ที่น่าสังเกตก็คือ การสร้างประวัติศาสตร์ของบิตคอยน์หนนี้เกิดขึ้นในระหว่างที่หุ้นหลายตัวทะยานขึ้นแบบ “บ้า ๆ บอ ๆ” ไม่ว่าจะเป็นหุ้นในแวดวงบิตคอยน์ด้วยกัน อาทิ ไรออต บล็อกเชน กับมาราธอน แพเทนต์ 2 บริษัททำเหมืองบิตคอยน์ หรือนอกวงอย่างเช่น หุ้น เกมสต็อป หรือเอเอ็มซี ที่ถูกขนานนามว่าเป็น “หุ้นเรดดิต” เป็นต้น

หุ้นเหล่านี้รวมถึงหุ้นโภคภัณฑ์อีกหลายตัวพุ่งทะยานแบบไม่ค่อยมีเหตุมีผล รวมทั้ง “ด็อกกี้คอยน์” ที่เริ่มต้นเป็นเรื่องตลกขำ ๆ แต่ตอนนี้กลับมีมาร์เก็ตแคปถึง 9,000 ล้านดอลลาร์

เมื่อไม่มีพื้นฐานรองรับ ก็เท่ากับรับประกันได้ว่า วันหนึ่งข้างหน้าราคาที่ถูกโก่งขึ้นไปเกินจริงสุดกู่เช่นนี้มีโอกาสพังพาบได้ตลอดเวลา

ยิ่งไปกว่านั้น “เจเนต เยลเลน” รัฐมนตรีคลังสหรัฐคนใหม่ กล่าวย้ำหลายครั้งหลายหนแสดงความกังวลต่อสถานการณ์ของคริปโทเคอร์เรนซีในยามนี้อีกต่างหาก

ข้อที่น่าสังเกตอีกประการก็คือ นักลงทุนจำนวนไม่น้อยในยามนี้ แม้กระทั่ง “ขาใหญ่” บางราย ไม่ได้เป็น “คอบิตคอยน์” ขนานแท้และดั้งเดิมแต่อย่างใด มีโอกาสไม่น้อยที่จะมีคนตัดสินไปในทางตรงกันข้าม เลิกถือบิตคอยน์หันไปถือดอลลาร์แทน

วันไหนที่นักลงทุนเหล่านั้นหันมา “แลกบิตคอยน์เป็นดอลลาร์” คือวันที่บิตคอยน์จะตกกลับสู่ความเป็นจริง เร็วอย่างยิ่ง

ข้อเท็จจริงเหล่านี้ ใช่ว่าบรรดานักลงทุนทั้งหลายจะไม่รู้ เพียงไม่มีใครรู้ชัดเท่านั้นเองว่า “เมื่อไหร่” สถานการณ์เช่นนั้นจะเกิดขึ้น

ดังนั้นตอนนี้ก็ขอ “สนุก” กับบิตคอยน์สักพักก็แล้วกัน