หัวหน้านักวิทยาศาสตร์องค์การอนามัยโลก เตือนกรณีหลายประเทศฉีดวัคซีนผสมหลายชนิด หวั่นประชาชนตัดสินใจเอง ขอให้หน่วยงานด้านสาธารณสุขตัดสินใจตามข้อมูล
วันที่ 13 กรกฎาคม 2564 รอยเตอร์ส รายงานว่า หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ขององค์การอนามัยโลกแนะนำไม่ให้ผสมและจับคู่วัคซีนป้องกันโควิด-19 จากผู้ผลิตหลายราย โดยเรียกสิ่งนี้ว่า “เทรนด์ที่อันตราย” เนื่องจากมีข้อมูลเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพ
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- พบรอยร้าวบ่อฝังกลบกากแคดเมียมของ เบาด์ แอนด์ บียอนด์
- เปิดไทม์ไลน์ลูกค้าซิตี้แบงก์ต้องรู้! ก่อนโอนย้ายบัญชีมาเป็น “ยูโอบี” 21 เม.ย.นี้
ดร.โสมยา สวามีนาธาน หัวหน้าคณะนักวิทยาศาสตร์ประจำองค์การอนามัยโลกเตือนว่า นี่เป็นเทรนด์ที่อันตรายเล็กน้อย เรายังไม่มีข้อมูลและหลักฐานเรื่องการผสมและจับคู่วัคซีน มันจะเป็นสถานการณ์ที่โกลาหลในประเทศต่าง ๆ หากประชาชนเริ่มตัดสินใจว่าเมื่อใดและใครที่จะได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2, 3 และ 4
ต่อมา ดร.โสมยา รีทวีตข่าวดังกล่าวของรอยเตอร์ พร้อมข้อความว่า แต่ละบุคคลไม่ควรตัดสินใจด้วยตัวเอง หน่วยงานด้านสาธารณสุขสามารถตัดสินใจเรื่องนี้โดยอาศัยข้อมูลที่มีอยู่ ข้อมูลจากการศึกษาเรื่องการผสมและจับคู่วัคซีนต่าง ๆ นั้น ยังอยู่ระหว่างรอคอย จำเป็นต้องประเมินทั้งการสร้างภูมิคุ้มกันและความปลอดภัย
Individuals should not decide for themselves, public health agencies can, based on available data. Data from mix and match studies of different vaccines are awaited – immunogenicity and safety both need to be evaluated https://t.co/3pdYj4LUdz
— Soumya Swaminathan (@doctorsoumya) July 12, 2021
ด้าน ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักวิจัยด้านไวรัสวิทยา ไบโอเทค โพสต์ถึงเรื่องนี้ผ่านเฟซบุ๊กว่า ส่วนตัวไม่คิดว่า ดร.โสมยา จากองค์การอนามัยโลก ค้านการใช้วัคซีนแบบสลับเข็ม แต่สิ่งที่ค้านคือคนไปขอฉีดแบบนั้นกันเอง คำว่า Public Health agencies (ซึ่งก็คือคณะกรรมการสาธารณสุข + ผู้เชี่ยวชาญ) can [decide] based on available data (บนข้อมูลที่มีในแต่ละประเทศ) ที่อยู่ในทวิตเตอร์ของเธอเองก็ชัดเจนอยู่ในตัวเองแล้ว
ดร.อนันต์ โพสต์ปิดท้ายว่า ความเห็นของนักวิชาการควรใช้สารตรงจากนักวิชาการครับ ถ้าผ่านการย่อยมาจากสื่อ สาระที่ได้อาจผิดเพี้ยน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (12 ก.ค.) คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติได้อนุมัติปรับสูตรฉีดวัคซีนสลับชนิด เข็มที่ 1 ซิโนแวค เข็มที่ 2 เป็นแอสตร้าเซนเนก้า พร้อมเห็นชอบวัคซีนเข็ม 3 บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ใช้แอสตร้าเซนเนก้าเป็นวัคซีนกระตุ้นหลัก