วิทยาลัยนานาชาติจีน ม.กรุงเทพ จับมือ เลเวลอัพฯ กูรูการตลาดจีน ดันเด็กสู่ความมั่งคั่งด้วยการตลาดดิจิทัล

       ใครๆ ต่างรู้ดีว่า จีนเป็นประเทศมหาอำนาจของโลก นักธุรกิจคนไหนเจาะตลาดจีนสำเร็จจึงย่อมได้รับความมั่งคั่ง แต่แม้ว่าเราจะอยู่ในยุคการสื่อสารไร้พรมแดนที่การค้าทำได้แค่ปลายนิ้วสัมผัส ทว่าการค้าขายกับจีนอาจไม่ง่ายนัก ถ้าเราไม่รู้ลึกรู้รอบเกี่ยวกับจีนอย่างแท้จริง โดยเฉพาะในด้านการทำการตลาดดิจิทัลอันเป็นเครื่องมือสำคัญที่สุดในยุคนี้ 

       ดังนั้นวิทยาลัยนานาชาติจีน และหลักสูตรบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ (มุ่งเน้นธุรกิจจีน) มหาวิทยาลัยกรุงเทพ จึงเสาะแสวงหาความร่วมมือจากพันธมิตรภาคเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญด้านการทำการตลาดดิจิทัลในตลาดจีน หนึ่งในนั้นคือบริษัทเลเวลอัพ โฮลดิ้ง จำกัด กูรูด้านการตลาดออนไลน์ที่มุ่งเน้นตลาดจีน ครอบคลุมสินค้าในทุกอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอุปโภคบริโภค การท่องเที่ยว สุขภาพ เทคโนโลยี การเงิน หรือแม้แต่อสังหาริมทรัพย์ โดยคุณบรรณ ภุชงค์เจริญ Chef Executive Officer และคุณอิทธิชัย อรรถกระวีสุนทร Managing Director จากบริษัทเลเวลอัพฯ ได้กล่าวไว้ในวันที่มาลงนามทำความร่วมมือทางวิชาการกับวิทยาลัยนานาชาติจีน มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ว่า

       “จีนมีประชากรราว 1,400 ล้านคน จึงนับเป็นโอกาสดีของบริษัทไทยในการทำการตลาดกับจีนและหันไปดูเมืองจีนมากขึ้นว่า จะส่งออกหรือค้าขายอะไรกับจีนได้บ้าง แทนที่จะนำเข้ามาจากจีนเพียงอย่างเดียว ซึ่งการจะดึงดูดลูกค้าจีนในปัจจุบันได้นั้น ต้องรู้ว่าเขาใช้ดิจิทัลแพลตฟอร์มอะไร เพราะจีนไม่ใช้กูเกิ้ล เฟซบุ๊ก หรือไลน์เหมือนบ้านเรา อย่างเช่นเขามี Weibo เป็นโซเชียลมีเดียเหมือนเฟซบุ๊ก We Chat เท่ากับไลน์ และ Xiaohongshu หรือที่เรียกกันว่า The Little Red Book เป็นแพลตฟอร์มเหมือนไอจีที่กำลังมาแรง… 

       ส่วนเรื่องพฤติกรรมคนจีนนั้น โดยปกติคนจีนชอบเมืองไทยอยู่แล้ว เพราะเขามองว่าเราเป็นบ้านพี่เมืองน้องกับเขา คนจีนชอบของไทย วัฒนธรรมไทย และชอบเที่ยวเมืองไทยมาก แต่ละปีมีคนจีนมาเที่ยวไทยไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน บริษัทในไทยจึงควรจับคนกลุ่มนี้ให้ได้ก่อน เพราะพอเขาชอบสินค้าแล้ว ก็จะต้องซื้อกลับไปฝากที่บ้าน เหมือนเวลาเราไปญี่ปุ่นแล้วต้องซื้อโตเกียวบานาน่า ซึ่งสินค้าที่คนจีนชอบก็คือ สกินแคร์ อาหาร หมอนยางพารา เครื่องประดับ แต่เขาจะไม่ชอบของที่พรีเมียมมาก ดังนั้นจึงต้องขายราคากลางๆ แล้วเน้นยอดขายเยอะๆ แทน”

       คุณบรรณและคุณอิทธิชัยยังกล่าวด้วยว่า ประเทศจีนมีความแตกต่างกันมากทั้งเรื่องชาติพันธุ์ ภูมิประเทศ และภูมิอากาศ ดังนั้นสินค้าบางอย่างจะขายได้เฉพาะบางเมืองหรือบางภูมิภาค เช่น ครีมทาตัวที่ตอนเหนือจะขายยาก เพราะอากาศแห้งมาก พอทาปุ๊บก็แห้งทันที จึงขายได้แค่ตอนใต้เท่านั้น เป็นต้น พร้อมกับทิ้งท้ายอย่างน่าสนใจว่า แทนที่จะนำเข้าสินค้าจากจีนมาเพื่อขายคนไทย 70 ล้านคน การส่งออกเพื่อขายคน 1,400 ล้านคนในจีนจะไม่ดีกว่าหรือ กระนั้นนอกจากจะต้องเข้าใจความต้องการและพฤติกรรมของคนจีนแล้ว อีกสิ่งสำคัญที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้ก็คือ ต้องรู้จักกระบวนการทำการตลาดดิจิทัลของเมืองจีนที่มีลักษณะเฉพาะตัวนั่นเอง

       ทางด้าน ดร.นิธิวดี จรรยาสวัสดิ์ คณบดีวิทยาลัยนานาชาติจีน และหัวหน้าหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ (มุ่งเน้นธุรกิจจีน) มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้กล่าวถึงวิสัยทัศน์ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพทำความร่วมมือกับทางเลเวลอัพฯ ว่า

       “เรามองว่าเลเวลอัพฯ มีความชำนาญการตลาดออนไลน์กับจีน ทั้งยังดำเนินงานโดยคนรุ่นใหม่ไฟแรง ขณะที่นักศึกษาของเราก็เป็นคนรุ่นใหม่ ผู้ซื้อชาวจีนที่ใช้เครื่องมือออนไลน์ก็เป็นคนรุ่นใหม่ ดังนั้นแต่ละฝ่ายจึงสื่อสารให้เข้าใจกันได้ง่ายและมีแนวคิดที่ทันสมัย โดยการเซ็นความร่วมมือกันในครั้งนี้ ทางบริษัทจะนำโจทย์จากลูกค้าที่อยู่ในอุตสาหกรรมต่างๆ กันมาให้นักศึกษาฝึกฝน นักศึกษาจึงจะได้เรียนรู้และมีความเชี่ยวชาญด้านการตลาดดิจิทัลของธุรกิจจีนหลากหลายรูปแบบ”

       รับประกันได้ว่า การที่วิทยาลัยนานาชาติจีน และหลักสูตรบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ (มุ่งเน้นธุรกิจจีน) มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ทำความร่วมมือกับบริษัทเลเวลอัพฯ ในครั้งนี้ จะสร้างนักศึกษาให้เป็นนักการตลาดที่รู้จักจีนอย่างถ่องแท้ และพร้อมเปิดประตูสู่ความมั่งคั่งในอนาคตได้อย่างแน่นอน (รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.bu.ac.th/th/business/chinese-business-management)