มิคาอิล กอร์บาชอฟ อดีตผู้นำสหภาพโซเวียตที่ปิดฉากสงครามเย็นได้อย่างสันติ ถึงแก่อสัญกรรมแล้วด้วยวัย 91 ปี
กอร์บาชอฟ ขึ้นสู่อำนาจเหนือสหภาพโซเวียตในปี 1985 และเป็นผู้นำที่เปิดสหภาพโซเวียตสู่โลก รวมถึงดำเนินการปฏิรูปมากมาย
- หวยงวด 2 พ.ค. เช็กสถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งฯ ย้อนหลัง 10 ปี
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 2 พ.ค. ย้อนหลัง 10 ปี
- พระราชประวัติ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติฯ วันคล้ายวันประสูติ 29 เมษายน
อย่างไรก็ดี เขาไม่สามารถยับยั้งการล่มสลายของสหภาพโซเวียต ที่นำมาสู่การเกิดประเทศรัสเซียในปัจจุบันได้
ผู้นำรัฐบาลจากทั่วโลกต่างร่วมกันแสดงความอาลัยต่อการจากไปของเขา โดยนายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวว่า กอร์บาชอฟ “ได้เปลี่ยนทิศทางประวัติศาสตร์”
“มิคาอิล กอร์บาชอฟ เป็นผู้นำรัฐบาลที่หาได้ยากยิ่ง” นายกูเตร์เรส กล่าวในโพสต์ทวิตเตอร์ “โลกได้สูญเสียผู้นำที่เป็นเสาหลักไปอีกคน ผู้นำที่ยึดมั่นในพหุภาคีนิยม และไม่ท้อถอยต่อการผลักดันสันติภาพ”
โรงพยาบาลที่นายกอร์บาชอฟถึงแก่อสัญกรรมออกแถลงการณ์ว่า เขาป่วยหนักด้วยโรคเรื้อรังมายาวนาน โดยเฉพาะในช่วงไม่กี่ปีมานี้ สุขภาพของเขาทรุดลง และเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยครั้ง
เมื่อเดือน มิ.ย. สื่อต่างชาติรายงานว่า เขาเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล หลังป่วยด้วยโรคเกี่ยวกับไต อย่างไรก็ดี สาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัด ยังไม่มีการเปิดเผยออกมาในเวลานี้
ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ออกมาแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการถึงแก่อสัญกรรมของนายกอร์บาชอฟ
ด้านนางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานสหภาพยุโรป ชื่นชมนายกอร์บาชอฟว่า “เป็นผู้นำที่น่าเชื่อถือและน่าเคารพ” และผู้นำที่ “เปิดทางสู่ยุโรปที่เสรี”
“มรดกของเขาจะไม่มีวันถูกลืม” เธอเสริม
ด้านนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน แห่งสหราชอาณาจักร กล่าวว่า เขาชื่นชมความกล้าของนายกอร์บาชอฟ และความซื่อสัตย์
“ในห้วงเวลาที่ปูตินรุกรานยูเครน ความมุ่งมั่นของกอร์บาชอฟที่จะเปิดประตูโซเวียต ถือเป็นตัวอย่างที่ดีต่อพวกเราทุกคน”
นายกอร์บาชอฟขึ้นเป็นเลขาธิการพรรคโซเวียตคอมมิวนิสต์ และผู้นำทางพฤตินัยของประเทศ ด้วยวัยเพียง 54 ปี
ในเวลานั้น เขาเป็นสมาชิกอายุน้อยที่สุดของโปลิตบูโร หรือคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง และถือเป็นผู้นำเลือดใหม่ที่สืบทอดอำนาจต่อจากชนชั้นผู้นำที่อายุมากแล้ว โดยผู้นำคนก่อนหน้าเขา คือ คอนสแตนติน เชอร์เนนโก ถึงแก่อสัญกรรมด้วยอายุ 73 ปี หลังดำรงตำแหน่งได้เพียง 1 ปี
นโยบายเรียกร้องเพิ่มความเปิดเผยและโปร่งใส รวมถึงการเปิดประเทศของนายกอร์บาชอฟ เปิดทางให้ประชาชนวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลได้ ในแบบที่ไม่มีใครเคยคาดคิดว่าจะทำได้ ในประเทศที่ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์
แต่นโยบายนั้นก่อให้เกิดแนวคิดชาตินิยมในหลายพื้นที่ของโซเวียต จนนำมาสู่การล่มสลายในที่สุด
ในเวทีสากลนั้น นายกอร์บาชอฟผลักดันการควบคุมอาวุธสงคราม โดยบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐฯ และปฏิเสธที่จะแทรกแซงสถานการณ์ในชาติยุโรปตะวันออก ที่ประชาชนลุกฮือต่อต้านรัฐบาลคอมมิวนิสต์
นายกอร์บาชอฟยังถูกมองว่าเป็นวิศวกรแห่งการปฏิรูป ที่สร้างเงื่อนไขซึ่งนำไปสู่การสิ้นสุดสงครามเย็นในปี 1991 ในห้วงเวลาแห่งความตึงเครียดบาดลึกระหว่างสหภาพโซเวียต และชาติตะวันตก รวมถึงกับสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงคว้ารางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปี 1990 ต่อ “บทบาทของเขาที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะสำคัญต่อความสัมพันธ์ระหว่างตะวันออกและตะวันตก”
แต่ภายหลังเกิดประเทศรัสเซีย หลังการล่มสลายของโซเวียตในปี 1991 บทบาทของเขากลับอยู่ในส่วนชายขอบของการเมือง มุ่งเน้นการทำงานในโครงการด้านการศึกษาและมนุษยธรรมเสียมากกว่า
นายกอร์บาชอฟ พยายามหวนคืนสู่การเมืองในปี 1996 แต่กลับได้คะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีคิดเป็น 0.5% ของคะแนนทั้งหมด
ร่างของนายกอร์บาชอฟจะถูกฝังที่สุสานในกรุงมอสโก สุสานเดียวกับที่ฝังร่างของบุคคลสำคัญรัสเซียหลายคน และฝังติดกับไรซา ภริยาของเขาที่เสียชีวิตด้วยโรคลูคีเมีย ในปี 1999
….
ข่าว BBCไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว