รัสเซีย ยูเครน : ปธน. เซเลนสกี ระบุ ไฟดับในเมืองคาร์คิฟ เกิดจากการโจมตีของรัสเซีย

  • เอลซา เมชแมน
  • บีบีซี นิวส์

ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ระบุว่า รัสเซียต้องการ “ทำให้ผู้คนไม่มีแสงสว่างและความอบอุ่น” ด้วยการตัดไฟทั่วภูมิภาคทางตะวันออกของยูเครน ตอบโต้การที่ยูเครนสามารถบุกยึดคืนพื้นที่กลับคืนได้

มีรายงานว่า ไฟฟ้าที่ดับส่งผลกระทบต่อประชาชนหลายล้านคนในภูมิภาคคาร์คิฟและโดเนตสก์ทางตะวันออกของยูเครน นายกเทศมนตรีเมืองคาร์คิฟ ระบุว่า สามารถกู้ไฟกลับคืนมาได้แล้ว

เหตุการณ์ไฟฟ้าขัดข้องเกิดขึ้น หลังจากที่ยูเครนระบุว่า ได้ยึดพื้นที่กลับคืนมาได้มากกว่า 3,000 ตร.กม. ในการโต้กลับทางตะวันออกของยูเครน

บีบีซี ไม่สามารถตรวจสอบตัวเลขนี้ได้

นายอีฮอร์ เทอเรคอฟ นายกเทศมนตรีเมืองคาร์คิฟ กล่าวว่า การที่รัสเซียโจมตีโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือนทำให้พื้นส่วนใหญ่ภายในเมืองไม่มีไฟฟ้าหรือน้ำใช้ในช่วงคืนวันอาทิตย์

เขาเรียกการกระทำเช่นนี้ว่า ความพยายามที่ไร้มนุษยธรรมและเลวทราม เพื่อแก้แค้นที่กองทัพยูเครนประสบความสำเร็จในการสู้รบในช่วงไม่นานนี้

ออร์ลา เกียริน ผู้สื่อข่าวบีบีซี รายงานจากเมืองคาร์คิฟว่า ได้ยินเสียงที่ดูเหมือนจะเป็นการโจมตีของขีปนาวุธอีก 2 ครั้ง ในช่วงค่ำ

นายเทอเรคอฟ และผู้ว่าการประจำภูมิภาคได้เรียกร้องให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก โดยระบุว่า หน่วยงานฉุกเฉินกำลังซ่อมแซมความเสียหายและดับไฟอยู่

ผู้ว่าการของภูมิภาคซูมีที่อยู่ติดกันกล่าวว่า มีบ้านเรือนกว่า 130 แห่ง ในเขตเพียงเขตเดียว ไม่มีไฟฟ้าใช้

มีรายงานพบปัญหาคล้ายคลึงกันนี้ในภูมิภาคดนีโปรเปตรอฟสก์ และโปลตาวา ด้วย

ประธานาธิบดีเซเลนสกีได้โพสต์ข้อความท้าทายทางโซเชียลมีเดียหลังมีการตัดไฟฟ้าโดยกล่าวหารัสเซียว่า “ก่อการร้าย” ด้วยการพุ่งเป้าโจมตีโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน

เขาเขียนข้อความทางเทเลแกรมว่า “ความหนาวเหน็บ ความหิวโหย ความมืดมิด และความกระหาย ยังไม่เลวร้ายและโหดร้ายกับเรา เท่ากับ ‘มิตรภาพและภราดรภาพ’ ของคุณ”

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่ยูเครนมีความคืบหน้าในการบุก ซึ่งถ้าได้รับการยืนยัน ก็จะหมายความว่า กองทัพยูเครนได้ยึดคืนดินแดนของตัวเองกลับคืนมาได้ 3 เท่า ภายในเวลาราว 48 ชั่วโมง

ประธานาธิบดีเซเลนสกี กล่าวว่า มีการยึดคืนพื้นที่ได้ 1,000 ตร.กม. เมื่อคืนวันที่ 8 ก.ย. ตัวเลขนี้ได้เพิ่มขึ้นเป็น 2,000 ตร.กม. ในช่วงคืนวันที่ 10 ก.ย. และ 3,000 ตร.กม. เมื่อวันที่ 11 ก.ย.

เจ้าหน้าที่กลาโหมของสหราชอาณาจักรประเมินว่า ยูเครนยึดดินแดนของตัวเองกลับคืนมาได้แล้วอย่างน้อยคิดเป็น 2 เท่าของมหานครลอนดอน หรือมากกว่า 3,000 ตร.กม. ในภูมิภาคคาร์คิฟ ตั้งแต่ 7 ก.ย. ที่ผ่านมา

โดยระบุเพิ่มเติมว่า ความสำเร็จของกองทัพยูเครน “จะสร้างความยุ่งยากอย่างมาก” ให้กับการออกแบบปฏิบัติการโดยรวมของรัสเซีย

ผู้สื่อข่าวถูกห้ามไม่ให้เข้าไปที่แนวหน้าของการสู้รบ แต่คลิปวิดีโอหลายคลิปทางโซเชียลมีเดียเผยให้เห็นว่า มีทหารยูเครนอยู่ตามเมืองและหมู่บ้านต่าง ๆ ที่เคยถูกรัสเซียยึดครองไว้ในช่วงก่อนหน้านี้

กราฟิก

กองทัพยูเครนได้บุกเข้าไปในเมืองสำคัญอย่าง บาลาคลิยา เมื่อ 9 ก.ย. ต่อมารัสเซียได้ยืนยันการถอนทหาร เพื่อ “พยายามเสริมกำลัง” ที่แนวรบในเมืองโดเนตสก์

นอกจากนี้เมื่อ 10 ก.ย. ยูเครนได้ยึดคืนเมืองอิซูมและเมืองคูเปียนสก์ เมืองสำคัญในการส่งเสบียงที่รัสเซียยึดครองอยู่ รัสเซียยืนยันว่า ได้มีการถอนกำลังทหารออกจากทั้งสองเมืองจริง เพื่อเปิดโอกาสให้มีการ “จัดทัพใหม่”

วาแลรี มาร์เชนโก นายกเทศมนตรีเมืองอิซูม กล่าวว่า ชาวเมืองน่าจะกลับเข้าเมืองได้ภายในเวลาประมาณ 10 วัน ถือเป็นการกลับเข้ามาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่รัสเซียยึดเมืองนี้ไปในเดือน มี.ค.

เขากล่าวกับรายการนิวส์ อาวร์ (Newshour) ของบีบีซี เวิลด์ เซอร์วิส (BBC World Service) ว่า ประชากรราว 2 ใน 3 ได้อพยพออกจากเมืองไป แต่ส่วนใหญ่ต้องการกลับมา แม้ว่าสภาพเมืองจะเสียหายย่อยยับ และไม่มีพลังงาน น้ำ และระบบสื่อสารในการใช้งาน

กราฟิก

เขากล่าวว่า เมืองอิซูม น่าจะเป็นศูนย์กลางในการส่งกำลังบำรุงที่ใหญ่ที่สุดของกองทัพรัสเซีย เพราะเป็นเมืองที่นำไปสู่เมืองสลอเวียนสก์และครามาทอร์สก์ในภูมิภาคโดเนตสก์ ซึ่งรัสเซียต้องการบุกเข้าไป

แต่รัสเซียยังคงยึดครองพื้นที่ของยูเครนไว้ได้ราว 1 ใน 5 ของพื้นที่ทั้งประเทศ และการสิ้นสุดของสงครามนี้ยังไม่เกิดขึ้นในเร็ววันนี้

ในการให้สัมภาษณ์กับไฟแนนเชียล ไทมส์ นายโอเล็กซี เรซนิคอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของยูเครน เตือนถึงโอกาสที่รัสเซียจะตอบโต้กลับ

“การตอบโต้ได้ปลดปล่อยดินแดน และหลังจากนี้คุณต้องควบคุมมันและพร้อมที่จะปกป้องมัน” นายเรซนิคอฟ กล่าว