รัสเซีย ยูเครน : ความพ่ายแพ้หลายครั้งของรัสเซียจะส่งผลอย่างไรต่อปูติน

  • สตีฟ โรเซนเบิร์ก
  • บรรณาธิการด้านรัสเซีย มอสโก
วลาดิเมียร์ ปูติน

ที่มาของภาพ, Reuters

ปกติแล้ว คุณมักเห็นรายการข่าวหลักประจำสัปดาห์ของสถานีโทรทัศทางการรัสเซีย ป่าวประกาศความสำเร็จของรัฐบาลเท่านั้น

แต่รายการเมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 ก.ย. ที่ผ่านมา กลับกลายเป็นการยอมรับความผิดพลาดอย่างที่ไม่ค่อยเกิดขึ้น

“ในแนวหน้าของการสู้รบของปฏิบัติการพิเศษ [ในยูเครน] นี่คือสัปดาห์ที่ยากลำบากที่สุดจนถึงตอนนี้” ดมิทรี คีซีลีออฟ ผู้ประกาศกล่าวในรายการด้วยสีหน้าเศร้า

“โหดร้ายมากโดยเฉพาะแนวรบที่คาร์คิฟ ซึ่งมีการโจมตีจากกองกำลังของศัตรูที่มีจำนวนมากกว่าของเรามาก ทหาร [รัสเซีย] จำเป็นต้องทิ้งเมืองที่พวกเขาปลดปล่อยได้ก่อนหน้านั้น”

คำว่า “ปลดปล่อย” ในความหมายของรัสเซีย ก็คือ “การยึด” นั่นเอง โดยรัฐบาลรัสเซีย ได้ยึดครองพื้นที่เหล่านั้นเป็นเวลานานหลายเดือน แต่หลังจากที่มีการบุกโต้กลับแบบสายฟ้าแลบของกองทัพยูเครน กองทัพรัสเซียก็ได้สูญเสียดินแดนที่เคยยึดไว้ได้ทางตะวันออกเฉียงเหนือให้กับยูเครน

กระนั้น สื่อทางการของรัสเซียก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นในภูมิภาคคาร์คิฟของยูเครน ไม่ถือเป็น “การล่าถอย” สำหรับในรัสเซีย

“กระทรวงกลาโหมของรัสเซียเพิกเฉยต่อข่าวลือที่ว่า ทหารรัสเซียหนีออกมาอย่างไม่เป็นท่าจากเมืองบาลาคลิยา, คูเปียนสก์ และอิซูม” รอสเซียสกายา กาเซตา (Rossiyskaya Gazeta) หนังสือพิมพ์ของรัฐบาลรัสเซียฉบับล่าสุดรายงาน “พวกเขาไม่ได้หนี นี่คือการจัดทัพใหม่ที่มีการวางแผนไว้ก่อน”

ส่วนหนังสือพิมพ์แทบลอยด์มอสคอฟสกี คอมโซโมเลตส์ (Moskovsky Komsomolets) นักวิเคราะห์คนหนึ่งได้มีความเห็นที่แตกต่าง “เห็นชัดแล้วว่า เราประเมินศัตรูต่ำเกินไป [กองกำลังรัสเซีย] ใช้เวลานานเกินไปกว่าจะตอบโต้ จึงเกิดความล้มเหลวขึ้น… ส่งผลให้ เราพ่ายแพ้และพยายามที่จะลดความสูญเสียให้น้อยที่สุดด้วยการถอนทหารของเรา เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ถูกล้อม”

“ความพ่ายแพ้” นี้ได้ทำให้เกิดความไม่พอใจขึ้นในช่องทางโซเชียลมีเดียที่สนับสนุนรัสเซียและในหมู่บล็อกเกอร์ชาวรัสเซียที่ “รักชาติ” ซึ่งกล่าวหาว่า กองทัพของพวกเขาทำข้อผิดพลาดขึ้น

เช่นเดียวกับ รัมซาน คาดีรอฟ ผู้นำที่ทรงอิทธิพลของเชชเนีย

“ถ้าวันนี้หรือพรุ่งนี้ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์เกิดขึ้น” นายคาดีรอฟ เตือน “ผมจำเป็นต้องพูดคุยกับผู้นำของกระทรวงกลาโหมและผู้นำประเทศเพื่อชี้แจงสถานการณ์ที่เป็นจริงในพื้นที่กับพวกเขา มันเป็นสถานการณ์ที่น่าสนใจจริง ๆ น่าประหลาดใจมาก”

เป็นเวลากว่า 6 เดือนแล้ว นับตั้งแต่วลาดิเมียร์ ปูติน สั่งให้มีการบุกยูเครนเต็มรูปแบบ ในช่วงไม่กี่วันต่อมา ผมจำได้ว่า นักการเมืองชาวรัสเซีย นักวิจารณ์ และนักวิเคราะห์ทางโทรทัศน์หลายคนที่นี่ พากันทำนายว่า สิ่งที่รัฐบาลรัสเซียเรียกว่าเป็น “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” จะเสร็จสิ้นภายในเวลาไม่กี่วัน ประชาชนชาวยูเครนจะต้อนรับทหารรัสเซียในฐานะผู้ปลดปล่อย และรัฐบาลยูเครนจะล้มลงอย่างง่ายดาย

แต่เรื่องเหล่านั้นก็ไม่เกิดขึ้น

โปรดเปิดการใช้งาน JavaScript หรือบราวเซอร์ต่างออกไป เพื่ดูเนื้อหานี้

กลับกัน กว่า 6 เดือนที่ผ่านมา กองทัพรัสเซียได้สูญเสียที่มั่นไปเรื่อย ๆ

ดังนั้น นี่คือคำถามสำคัญ เรื่องนี้จะส่งผลกระทบทางการเมืองต่อวลาดิเมียร์ ปูติน หรือไม่

นายปูติน อยู่ในกลุ่มชนชั้นนำที่ปกครองรัสเซียมานานกว่า 20 ปี ขึ้นชื่อว่า เป็นผู้ชนะ และสามารถทำให้ตัวเองรอดพ้นจากสถานการณ์ที่ยากลำบากได้อยู่เสมอ พูดง่าย ๆ ก็คือ ไม่มีใครเอาชนะได้

ผมมักจะมองเขาเป็นแฮร์รี ฮูดินี เวอร์ชั่นรัสเซีย ซึ่งเป็นนักมายากลชื่อดังที่สามารถแกะโซ่หรือเงื่อนอะไรก็ตามที่ผูกมัดตัวเขาอยู่ได้สำเร็จ นายปูตินก็มักจะเอาตัวรอดได้เช่นนั้นเสมอ

แต่เรื่องนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปหลัง 24 กุมภาพันธ์ ที่รัสเซียเปิดฉากบุกยูเครน

ในช่วง 6 เดือน ที่ผ่านมา บ่งชี้ว่า การตัดสินใจของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินในการบุกยูเครน เป็นการคำนวณที่ผิดพลาดครั้งใหญ่ ไม่สามารถที่จะคว้าชัยได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว รัสเซียถูกโต้กลับ สูญเสียทหารไปจำนวนมาก และเผชิญกับการพ่ายแพ้ที่น่าขายหน้าหลายครั้ง

เมื่อรัศมีอันเจิดจ้าของผู้นำอำนาจนิยมที่ไม่มีใครเอาชนะได้เริ่มอ่อนแสงลง อาจจะทำให้เกิดปัญหาหลายอย่างขึ้นกับตัวเขาได้ วลาดิเมียร์ ปูติน น่าจะรู้ประวัติศาสตร์ของรัสเซียดีว่า ไม่มีผู้นำรัสเซียในอดีตคนไหนที่ทำสงครามแล้วมีจุดจบที่ดีเลย ถ้าไม่ชนะสงครามเหล่านั้น

การแพ้สงครามต่อญี่ปุ่น นำไปสู่การเกิดปฏิวัติรัสเซียครั้งแรกในปี 1905 ความล้มเหลวทางการทหารในสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้เกิดการปฏิวัติในปี 1917 และอวสานของพระเจ้าซาร์

แต่อย่างที่ทราบกันว่า ประธานาธิบดีปูติน ไม่ต้องการจะเป็นผู้พ่ายแพ้ในสงครามนี้

เมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของเขา กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร [ของรัสเซีย] จะดำเนินต่อไป และจะไม่หยุดยั้งจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายทุกอย่างที่ตั้งไว้ตั้งแต่ต้น”

คำถามต่อไปก็คือ แล้วปูตินจะทำอะไรต่อไป

เป็นเรื่องยากที่จะรู้ว่า ปูตินกำลังคิดและวางแผนอะไรอยู่ ขึ้นอยู่กับว่า ข้อมูลที่เขาได้รับจากกองทัพและหัวหน้าหน่วยข่าวกรองมีความแม่นยำแค่ไหน แต่ 2 เรื่องที่เรารู้แน่ ๆ ก็คือ ประธานาธิบดีปูติน แทบจะไม่เคยยอมรับความผิดพลาด และไม่หันหลังกลับ

ภาพแคปหน้าจอของปูตินเปิดชิงช้าสวรรค์

ที่มาของภาพ, Kremln.ru

จากสิ่งที่สื่อของรัฐรายงาน เรากำลังเห็นสัญญาณหลายอย่างว่า กำลังมีการบอกว่าความล้มเหลวในสมรภูมิรบมาจากการที่ชาติตะวันตกสนับสนุนยูเครน

“รัฐบาลยูเครน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากนาโต เปิดฉากบุกโต้กลับ” โทรทัศน์ทางการรัสเซียรายงาน

คำถามที่น่าอึดอัดใจมากกว่านั้น และมีการพูดถึงกันมานานหลายเดือนแล้วก็คือ ถ้าเขาไม่สามารถชนะด้วยอาวุธสงครามทั่วไปแล้ว ประธานาธิบดีปูตินจะใช้อาวุธนิวเคลียร์หรือไม่

เมื่อไม่กี่วันก่อน วาแลรี ซาลูชนี ผู้บัญชาการกองทัพของยูเครน เตือนว่า “มีความเสี่ยงโดยตรงของการใช้อาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธีของกองทัพรัสเซีย ภายใต้สภาพแวดล้อมบางอย่าง”

สำหรับตอนนี้ ยังไม่พบสัญญาณความตื่นตระหนกที่เปิดเผยในรัฐบาลรัสเซีย สถานีโทรทัศน์ของสื่อดูจะมีมุมมองด้านบวกมากขึ้น โดยได้เรียกการที่รัสเซียใช้ขีปนาวุธโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยูเครนว่า “เป็นจุดเปลี่ยนในปฏิบัติการพิเศษ”

ส่วนผู้นำรัสเซียในกรุงมอสโก ขณะที่มีรายงานมาจากยูเครนว่า รัสเซียกำลังสูญเสียดินแดน เมื่อวันเสาร์ที่ 10 ก.ย. วลาดิเมียร์ ปูติน ที่มีท่าทางผ่อนคลายกำลังร่วมพิธีเปิดชิงช้าสวรรค์แห่งใหม่ที่สูงที่สุดในยุโรป

ประธานาธิบดีรัสเซียดูเหมือนจะยังคงเชื่อว่า เขาจะกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบใน “ปฏิบัติการพิเศษ” ของเขา

…….

ข่าว บีบีซี ไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว