การยึดเมืองอิซูมของยูเครนคืนได้จากรัสเซียเผยให้เห็นความโหดร้ายที่กองทัพรัสเซียก่อไว้ ซึ่งยูเครนกล่าวหาว่าเป็นการก่ออาชญากรรมสงคราม
นอกจากมีหลุมศพพลเรือนยูเครนหลายร้อยรายแล้ว บีบีซียังได้ไปคุยกับชาวศรีลังกากลุ่มหนึ่งที่เล่าว่าพวกเขาถูกคุมขังและจับไปทรมานอยู่หลายเดือน
- “มะพร้าว” ราคาพุ่งเป็นประวัติการณ์ ลูกเดียว 65-80 บาท เกิดอะไรขึ้น?
- บริษัทดัง ประกาศปิดกิจการ ทุกสาขาทั่วประเทศ เลิกจ้างหลายชีวิต
- แจกเงินดิจิทัล 10,000 ลุ้นซื้อไอโฟน-เครื่องใช้ไฟฟ้า “จุลพันธ์” นัดถกหาข้อสรุป
“เราคิดว่าจะไม่รอดชีวิตออกมาแล้ว” ดีลูจัน พาธินาจากาน เล่า
ดีลูจัน เป็นหนึ่งในชาวศรีลังกา 7 คนที่ถูกกองทัพรัสเซียจับไปเมื่อเดือน พ.ค. หลังจากพวกเขาออกเดินเท้าจากบ้านในเมืองคูเปียนสก์ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน โดยหวังว่าชีวิตจะปลอดภัยขึ้นในเมืองคาร์คิฟซึ่งอยู่ห่างไป 120 กม.
แต่ที่ด่านตรวจแรกที่เจอ พวกเขาก็ถูกกองทัพรัสเซียจับตัวไป พวกเขาถูกเอาผ้าปิดตา มัดมือ และนำไปที่โรงงานผลิตอุปกรณ์เครื่องจักรในเมืองวอฟชันสก์ ซึ่งอยู่ใกล้พรมแดนรัสเซีย
นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของฝันร้ายยาวนาน 4 เดือน ที่พวกเขาถูกจับไปใช้แรงงานและทรมาน
คำเตือน : เรื่องนี้มีรายละเอียดที่อาจทำให้รู้สึกไม่สบายใจ
กลุ่มชาวศรีลังกากลุ่มนี้เดินทางมาที่ยูเครนเพื่อหางาน หรือไม่ก็มาเรียน ตอนนี้พวกเขากลายมาเป็นนักโทษที่ได้ทานอาหารน้อยมาก และได้รับอนุญาตให้ใช้ห้องน้ำแค่วันละ 2 นาที บางครั้งพวกเขาได้รับอนุญาตให้อาบน้ำได้ แต่ก็จำกัดเวลาให้แค่ 2 นาทีอีกเช่นกัน
กลุ่มผู้ชายซึ่งส่วนใหญ่อายุ 20 กว่าปี ถูกขังไว้ในห้องห้องเดียว ส่วน แมรี อีดิต อุธาจกุมาร ผู้หญิงคนเดียวของกลุ่มถูกนำไปขังแยกไว้
“พวกเขาขังเราไว้ในห้อง” เธอเล่า “พวกเขาทุบตีเราตอนไปอาบน้ำ พวกเขาไม่อนุญาตให้ฉันไปเจอกับคนอื่น เราถูกขังอยู่ข้างในนาน 3 เดือน”
ใบหน้าของแมรีมีรอยแผลจากเหตุวางระเบิดรถยนต์ในศรีลังกามาแล้ว เธอเป็นโรคหัวใจแต่ก็ไม่ได้รับยารักษา
แต่เป็นความโดดเดี่ยวที่ส่งผลกระทบต่อตัวเธอมากที่สุด
“ตอนอยู่คนเดียว ฉันเครียดมาก” เธอเล่า “พวกเขาบอกว่าฉันมีปัญหาสุขภาพจิตและให้ยากับฉัน แต่ฉันไม่ยอมกิน”
ชาวศรีลังกาคนอื่น ๆ มีร่องรอยจากประสบการณ์แสนโหดร้ายมากกว่า ชายคนหนึ่งถอดรองเท้าให้เห็นว่าเล็บเท้าเขาถูกดึงออกด้วยคีม มีรายงานว่าชายอีกคนก็ถูกทรมานเหมือนกัน
ชาวศรีลังกากลุ่มนี้เล่าว่าโดนทรมานโดยไม่มีเหตุผลอะไรที่ชัดเจน พวกเขาเล่าอีกว่าทหารรัสเซียดื่มเหล้าจนเมาแล้วก็ทำร้ายพวกเขา
“พวกนั้นทุบตีที่ตัวผมหลายครั้งด้วยปืน” ธิเนช โกเกนธิรัน ชายวัย 35 ปี เล่า “มีทหารคนหนึ่งต่อยท้องผมแรงจนเจ็บอยู่ 2 วัน แล้วเขาก็มาขอเงินจากผม”
“พวกเราโกรธและเศร้ามาก เราร้องไห้ทุกวัน” ดีลัคชัน โรเบิร์ตไคลฟ์ ชายวัย 25 ปี เล่า
“สิ่งเดียวที่ทำให้เราสู้ต่อได้คือการสวดภาวนา และความทรงจำดี ๆ กับครอบครัว”
ทางการรัสเซียปฏิเสธว่าพวกเขาไม่ได้มุ่งเป้าไปที่พลเรือน และก็ไม่ได้ก่ออาชญากรรมสงคราม แต่คำกล่าวหาของชาวศรีลังกากลุ่มนี้เป็นหนึ่งในหลายคำให้การที่ชี้ไปในทางตรงข้าม
ก่อนหน้านี้ ยูเครนเพิ่งขุดหลุมศพขนาดใหญ่ใกล้เมืองอิซูมขึ้นมา พบร่องรอยการทุบตีทรมานเหยื่อ และประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ก็ออกมาบอกว่า พบห้องซ้อมทรมานมากกว่า 10 แห่งในพื้นที่ในหลายเมืองในภูมิภาคคาร์คิฟที่ถูกยึดคืนมาได้
ชาวศรีลังกา 7 คนนี้ได้รับการปลดปล่อยเป็นอิสระหลังจากกองทัพยูเครนยึดพื้นที่ในฝั่งตะวันออกของประเทศคืนได้ในเดือนนี้ รวมถึงเมืองวอฟชันสก์ด้วย
และอีกครั้งหนึ่ง พวกเขาก็เริ่มออกเดินเท้าไปคาร์คิฟอย่างโดดเดี่ยว ไม่มีมือถือ ไม่มีทางที่จะติดต่อครอบครัวได้
แต่ในที่สุดก็มีคนเห็นพวกเขาเข้าและโทรหาตำรวจ และตำรวจคนหนึ่งก็ให้พวกเขายืมมือถือ
เอนคารานาธาน กาเนสามัวธิ ในวัย 40 ปี ถึงกับร้องไห้เมื่อเห็นหน้าภรรยาและลูกผ่านจอมือถือ และคนอื่น ๆ ก็ติดต่อครอบครัวได้เช่นกัน ในที่สุดทุกคนก็ร่วมกันกอดตำรวจ
ต่อมาพวกเขาถูกพาไปส่งที่คาร์คิฟ ได้เข้ารับการรักษาตัวและได้เสื้อผ้าใหม่ เข้าพักในศูนย์รักษาฟื้นฟูร่างกายที่มีทั้งสระว่ายน้ำและโรงยิม
“ตอนนี้ฉันรู้สึกมีความสุขมาก ๆ” ดีลัคชัน กล่าวด้วยรอยยิ้มกว้าง
…..
ข่าว บีบีซี ไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว