จับตา 7-10 ตุลาคม ฝนตกหนัก กทม.-ปริมณฑล ผู้ว่าฯ เตือน “เจอของจริง”

น้ำรอระบายบนถนนท่วมทะลักเข้าไปภายในรถเมล์ จนคนวิจารณ์ว่า “เหมือนนั่งเรือ” ฝนตกเพียงไม่นานน้ำท่วมถึงเอวในย่านที่อยู่อาศัยเมืองทองธานี จนถูกขนานนามว่า “ทะเล” นี่คือสถานการณ์น้ำในกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 ต.ค. แต่ยังไม่ถึงจุดที่น่าวิตกสุดที่คาดว่าจะมาถึงช่วง 4 วันอันตราย ระหว่างวันที่ 7-10 ต.ค. นี้

เข้าสู่เช้าวันที่ 5 ต.ค. ระดับน้ำในหลายพื้นที่ยังคงไม่ลดลง โดยที่บริเวณหน้าเมืองทองธานี ถึงสะพานข้ามแยกคลองประชา ถนนแจ้งวัฒนะ ยังคงมีน้ำท่วมขังสูงถึงทางเท้า จนผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์โพสต์วิจารณ์ว่า “นึกว่านั่งเรือ”

ขณะที่ 1197 สายด่วนจราจรรายงานตรงกันว่า ถนนแจ้งวัฒนะ จากเมืองทอง มุ่งหน้าไปแยกหลักสี่ ยังมีน้ำท่วมบนถนน

ด้านสำนักงานเขตหลักสี่รายงานผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊กถึงจุดเฝ้าระวังที่พบปัญหาน้ำท่วมขัง จากปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาวานนี้ (3 ต.ค.) ถึง 165.5 มิลลิเมตร โดยมีจุดเฝ้าระวัง ดังนี้

7-10 ต.ค. จะเป็นของจริง ?

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

Advertisment

ถนนสายหลัก

1. ถนนแจ้งวัฒนะ มุ่งหน้าไปทางรามอินทรา น้ำท่วมขังคือจราจร 10-15 เซนติเมตร ระยะทางประมาณ 70 เมตร

Advertisment

2. ถนนแจ้งวัฒนะ มุ่งหน้าไปทางปากเกร็ด น้ำท่วมขังผิวจราจร 5-10 เซนติเมตร ความกว้าง 1 ผิวจราจร ยาวประมาณ 100 เมตร

ถนนสายรอง

1. ซอยแจ้งวัฒนะ 10 แยก 9-1 (ซอยมีสุข) น้ำท่วมผิวจราจร 10-15 เซนติเมตร ตลอดเส้น

2. หมู่บ้านสุขนิรันดร์น้ำท่วมขังผิวจราจร 15 เซนติเมตร ตลอดทั้งหมู่บ้าน

3. ซอยแจ้งวัฒนะ 14 น้ำท่วมขังผิวจราจร 20-60 เซนติเมตร ตลอดทั้งซอย บริเวณรอบบึงสีกัน

4. หมู่บ้านการไฟฟ้า ซอยประชาชื่น 14 น้ำท่วมขังสูง 10-15 เซนติเมตร ตลอดทั้งหมู่บ้าน

6. การเคหะท่าทราย ประชาชื่น 12 แยก 1 น้ำท่วมขังผิวจราจร 10-15 เซนติเมตร

7. ถนนนอร์ธปาร์ค ซอยงามวงศ์วาน 47 แยก 42 น้ำท่วมผิวจราจร 15- 30 เซนติเมตร ระยะทาง 250 เมตร

8. หมู่บ้านโสสุนคร น้ำท่วมขังจราจร 10-15 เซนติเมตร ตลอดหมู่บ้าน

กทม.-ปริมณฑล เตรียมเจอของจริง ?

ว่าที่ร้อยตรี ธนะสิทธิ์ เอี่ยมอนันชัย รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ให้สัมภาษณ์ในรายการ “เจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยแลนด์” ว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเย็นวันที่ 3 ต.ค. ไม่ได้เป็นผลกระทบจากพายุโนรู แต่เกิดจากร่องมรสุมทางฝั่งตะวันตกจากมหาสมุทรอินเดีย เสริมด้วยอากาศเย็นจากมหาสมุทรแปซิฟิก ทำให้ช่วงเย็นมีฝนตกหนักเฉลี่ยทุกพื้นที่เกิน 100 มิลลิเมตร ใน 24 ชั่วโมง

การจราจรติดขัด

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

พร้อมเตือนว่า “ปรากฎการณ์นี้ยังคงอยู่ ค่ำนี้คืนนี้ก็จะมีกลุ่มฝนเป็นระลอกอีก” เพราะมวลอากาศเย็นดังกล่าวยังคงอยู่ แต่จะค่อย ๆ อ่อนกำลังลง สิ่งที่รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ไว้ในช่วง 4-10 ต.ค. มีดังนี้

  • 4-7 ต.ค. – ฝนยังตกอยู่ และมีโอกาสจะเกิดเหตุการณ์เหมือนวันที่ 3 ต.ค. อีก
  • 8 ต.ค. – ฝนตกมากขึ้นในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล รวมถึงภาคอีสาน เหนือ กลาง และตะวันออก
  • 9-10 ต.ค. – มวลอากาศเย็นรุนแรงจากจีนเริ่มเข้ามา ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีอากาศแห้งขึ้น แต่ช่วงแรกที่เข้ามาจะก่อให้เกิดฝนฟ้าคะนองและฝนตกหนักขึ้น

ส่วนเหตุผลที่ฝนตกใน กทม. และปริมณฑล หนักในช่วงนี้ เป็นเพราะ “ร่องมรสุมมันอยู่ในแนวภาคกลางตอนล่างและภาคตะวันออกเลย” และ “กรุงเทพฯ มีโอกาสจะเจอแบบเมื่อวันที่ 3 ต.ค. อีก มันจะเกิดปรากฎการณ์แบบนี้เสมอ”

การคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา สอดคล้องกับที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ยอมรับว่า สถานการณ์น้ำในกรุงเทพฯ กำลังอยู่ในจุดเปราะบางที่สุด จากน้ำเหนือไหลลงมา ประกอบกับมีน้ำทะเลหนุนเพิ่มเติม คาดว่าจะสูงสุดช่วง 7-10 ต.ค. นี้

แนวทางรับมือของชัชชาติ

วานนี้ (3 ต.ค.) นายชัชชาติ ได้ประชุมร่วมกับกระทรวงมหาดไทยถึงแนวทางจัดการน้ำ โดย กทม. เสนอทำทางด่วนน้ำในเขตลาดกระบัง จากคลองลำปลาทิวลงมาทางทิศตะวันออก ไปออกที่คลองร้อยคิว เป็นระยะทาง 20 กิโลเมตร เพราะจุดนี้น้ำระบายออกยาก

แต่กรมชลประทานเสนอแนวทางที่ต่างกันว่า ให้ระบายน้ำออกทางคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต แต่เสริมคันคลองไปถึงบางปะกง ส่งผลให้แนวทางจัดการน้ำยังไม่ได้ข้อสรุป

ใกล้ถึงจุดทะเลกรุงเทพฯ หรือยัง

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนภัยสภาพอากาศ ช่วงวันที่ 4-13 ต.ค. ดังนี้

4-9 ต.ค. – ฝนทางตอนบนของภาคเหนือและภาคอีสาน จะเริ่มเบาลงบ้าง แต่ภาคกลาง (กทม. และปริมณฑล) ภาคตะวันออก และภาคใต้ ยังมีฝนตกต่อเนื่อง มีตกหนัก เนื่องมาจากมวลอากาศเย็นแผ่ลงมาปกคลุมทางตอนบน ทำให้ร่องมรสุมพาดผ่านภาคอีสานสานตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก

ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย และมีลมตะวันออก ลมตะวันออกเฉียงใต้ พัดปกคลุมภาคอีสานเสริมอีกแรง

จึงยังต้องระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มในระยะนี้

คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

10 -13 ต.ค. – จะมีฝนเพิ่มขึ้นในระยะแรก (10 ต.ค.) หลังจากนั้นฝนจะเริ่มลดลงชัดเจน ทิศทางลมเริ่มเปลี่ยนแปลงทิศทาง เนื่องจากมีมวลอากาศเย็น แผ่ลงมาปกคลุม ทางภาคเหนือ ภาคอีสานตอนบน จึงทำลมเริ่มเปลี่ยนทิศ เป็นลมตะวันออก ตะวันออกเฉียงเหนือมากขึ้น เป็นสัญญาณการเริ่มเปลี่ยนแปลงฤดูกาล

ข่าวที่เกี่ยวข้อง