ข่าวรอบวัน

เปิดโต๊ะเจรจา สมคิดควบรวมสร้างอนาคตไทย คุณหญิงสุดารัตน์ มาครบ

รวมพรรค ไทยสร้างไทย สร้างอนาคตไทย

เปิดห้องเจรจาควบรวมพรรคสร้างอนาคตไทย พรรคไทยสร้างไทย สมคิด-คุณหญิงสุดารัตน์ 2 ทีมมาครบ ขั้นต่อไปเจรจาชาติพัฒนากล้า 

วันที่ 29 ธันวาคม 2565 เวลา 10.00 น. ที่ร้านอาหาร Corner สุขุมวิท 26 แกนนำพรรคไทยสร้างไทย และพรรคสร้างอนาคตไทย เปิดโต๊ะเจรจาควบรวมพรรค ทั้ง 2 ฝ่ายเริ่มเจรจาพร้อมหน้า

รวมพรรค ไทยสร้างไทย สร้างอนาคตไทย

โดยผู้เข้าร่วมการหารือประกอบด้วย 1.คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย 2.นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย 3.นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย 4.นายโภคิน พลกุล ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ และ 5.นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย 6.นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย

สมคิด รวมพรรค ไทยสร้างไทย สร้างอนาคตไทย

โดย 2 พรรคจะแสดงเจตจำนงร่วมกัน ว่าจะร่วมกันทำกิจกรรมทางการเมือง แต่ติดปัญหาข้อกฎหมายการควบรวมพรรคยังไม่สามารถทำได้ จึงต้องเริ่มขั้นตอนแรกเสียก่อน จากนั้นจะเป็นกระบวนการตามกฎหมาย ในการรวมพรรค รวมถึงการเจรจารวมกับพรรคชาติพัฒนากล้า

สมคิด ควบรวมสร้างบ้านสร้างเมือง

นายสมคิดกล่าวว่า ตนอยู่ในการเมือง 20 ปี ตลอดเวลาตั้งใจทำงานหนักมาโดยตลอด อยากเห็นประเทศชาติรุ่งเรือง อยากเห็นประชาชนเป็นสุข ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไม่เคยเห็นยุคใด สมัยใด ที่การเมืองค่อนข้างย่ำแย่จนถึงที่สุด จึงอดเป็นห่วงไม่ได้

ทั้งในเชิงของการรับผิดชอบต่อหน้าที่ทางการเมืองเพื่อขับเคลื่อนประเทศ ทั้งในเชิงของการใช้ทรัพยากรเพื่อแย่งชิงผู้สมัครอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และทำอย่างโจ่งแจ้งด้วย มีการโยกย้าย มีการลาออกไม่เว้นแต่ละวัน ทั้งในเชิงของความไม่สามารถในการบริหารภาครัฐและการแก้ไขปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชนในการขับเคลื่อนประเทศ ในการขับเคลื่อนนโยบายเพื่อให้ประเทศก้าวไปข้างหน้า

ด้วยความจริงจังและโปร่งใส ทั้งในเชิงการสร้างความสามัคคคีความปรองดอง เราอยู่ในวังวนความไม่สามัคคี ความแตกแยกมากว่า 10 ปีแล้ว จนประเทศอื่นข้ามไปหมดแล้ว น่าเสียดายและน่าเสียใจ หากไม่เปลี่ยนแปลงบ้านเมืองก็จะถอยหลังไปเรื่อย ๆ จนกู่ไม่กลับ ถึงเวลาแล้วที่คนไทยต้องละวางในอัตตา ทุกคนต้องมาช่วยกัน ร่วมมือกันแก้ไขปัญหาประเทศไปให้ได้ ให้ลุล่วงไปให้ได้ ไม่ใช่เพื่อใคร เพื่อลูกหลานเราทั้งนั้น

“คุณหญิง อาจารย์โภคิน ผม ร่วมงานกันมานานมาก มากที่เดียว ตั้งแต่คุณหญิงยังสาว ๆ ตอนนี้ก็ยังสาวอยู่ (คุณหญิงสุดารัตน์ตอบกลับว่า ‘สาวขึ้นบันได’ คุณหญิงในสายตาผม เป็นนักต่อสู้ประชาธิปไตยที่แน่วแน่ ผมมองคุณหญิงเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง แต่น้องสาวคนนี้แข็งแกร่ง ทำงานหนัก เป็นแม่ที่ดี เป็นภรรยาที่ดีและยังเสียสละเวลาให้บ้านเมือง

ผมชื่นชม ท่านอาจารย์โภคินเป็นนักกฎหมายชั้นครู ที่รู้จักและสามารถที่จะใช้กฎหมายในการแก้ไขปัญหาใหญ่ ๆ ของประเทศและสร้างอนาคตให้กับประเทศไทย ส่วนท่านอุตตม ท่านสนธิรัตน์ คุ้นเคย เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ในการทำงานมาหลากหลายกระทรวงทางด้านเศรษฐกิจ ฉะนั้น การที่สองฝ่ายมีโอกาสมาพบปะกัน ร่วมหารือกัน ก็เพราะความห่วงใยต่อบ้านเมือง”

นายสมคิดกล่าวว่า จากการหารือเป็นระยะ ๆ เพื่อหาทางออกให้กับบ้านเมือง ทั้งในทางการเมือง ในทางเศรษฐกิจและในทางปรองดองของชาติ สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถบรรลุได้ เพียงแค่ไม่กี่คน แต่ต้องอาศัยพลังที่ยิ่งใหญ่ของพี่น้องประชาชน จากการหารือ จากการไปนั่งคิด ตลอดเวลา เราก็เริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ว่าเราจะมีทางออกให้กับประเทศอย่างไร

อยากใช้โอกาสนี้เชิญชวนประชาชนและนักการเมืองที่มีความตั้งใจดี มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างบ้านสร้างเมืองให้มาร่วมกับพวกเรา หาทางออกให้กับประเทศ หานโยบายดี ๆ พัฒนาประเทศ เพื่อโยชน์ของประชาชนทุกหมู่เหล่า ทุกเพศ ทุกวัย ไม่แบ่งแยก วันนี้เป็นความจากใจของพวกเรา ส่วนเรื่องอื่นให้ติดตามดู

“ไม่มีการทดลองงาน พวกเราอยู่การเมืองมา 20 กว่าปี การทำการเมืองครั้งนี้ จริง ๆ ผมไม่ได้คิดจะทำ ผมเหนื่อยพอสมควรที่ผ่านมา แต่มานี่ เพราะผมเองมีภารกิจ ต้องการสร้างพรรคการเมืองที่ดี ที่เน้นความคิดในการสร้างประเทศ และเป็นหลักให้ประชาชน ไม่เคยคิดเรื่องตำแหน่ง และกรุณาอย่าถามว่า จะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ไม่ต้องถาม สิ่งสำคัญคือ มีความคิดในการแก้ปัญหาไหม มีพรรคการเมืองแต่แก้ปัญหาไม่ได้ มีแต่ ส.ส. มีไปทำไม สำหรับผม เรื่องตำแหน่งไม่มีความสำคัญเลย ได้มาทุกตำแหน่งแล้ว ส่วนเรื่องนายกฯ ผมเคยบอกแล้ว ฟ้าลิขิต ฟ้าประทาน” นายสมคิดกล่าว

นายสมคิดกล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่น่ายินดี คือ พรรคไทยสร้างอนาคตไทยและพรรคไทยสร้างไทย มีเจตนารมณ์เดียวกัน ถ้าคนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน ความตั้งใจดีเดียวกัน เห็นแสงสว่าที่ปลายอุโมงค์ ไม่มีความเป็นปฏิปักษ์ ไม่ทะเลาะกับใคร วันนี้ต้องการความร่วมมือทุกฝ่าย

โภคิน นับสมคิดและพวก เป็นเพื่อนเก่า

นายโภคินแถลงว่า ไม่ใช่ครั้งแรก มีการพูดคุยกันเป็นระยะ ๆ ในฐานะที่เราเป็น “เพื่อนเก่า” กัน พวกเราเคยทำงานด้วยกันมา เคยผลักดันนโยบายรัฐบาลในอดีตสำเร็จหลายเรื่อง วันนี้บ้านเมืองมีปัญหาค่อนข้างมาก ที่เรากังวลที่สุด คือ เงิน อำนาจรัฐและอิทธิพลกำลังครอบงำประเทศ ระบบรัฐราชการไม่ได้ตอบสนองประชาชน แต่ไปตอบสนองผู้มีอิทธิพลหรือธุรกิจสีเทา สีดำ ทำให้ผู้คนอยู่ในภาวะลำบาก ประกอบกับ 16-17 ปีที่ผ่านมา มีความขัดแย้งทางความคิด มีการสร้างวาทะกรรมที่ก่อให้ความไม่สบายใจ เขียดแค้นและเกลียดชังกัน ทำให้ประเทศแถบจะไปไม่ได้ หนี้สินมากมาย จะมีอนาคตที่ดีได้อย่างไร ประเทศจะเดินต่อไปได้อย่างไร

“เราก็คุยกันว่า ปัญหาตรงกันไหม ประเทศต้องการอะไร เราเห็นว่า ประเทศต้องการอุดมการณ์ ต้องการเอาจริงเอาจังในการแก้ปัญหา ที่สำคัญ คือ หัวใจ การทุ่มเท ความเสียสละของผู้คนที่จะเข้ามาร่วมกัน ท้ายที่สุด คือ ให้พี่น้องประชาชนเห็นว่า เราต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย เราถึงจะพาประเทศเดินไปข้างหน้าได้ เราก็มาดูว่า ทางออกของประเทศจะเป็นอย่างไร เราจะทำงานร่วมกันได้แบบไหนอย่างไร” นายโภคินกล่าว

นายโภคินกล่าวว่า สิ่งแรกที่เห็นตรงกัน คือ ต้องมีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน เพื่อให้ประชาชนมามีส่วนร่วมและเป็นเจ้าของ หรือไม่มีการใช้อำนาจอย่างตรงไปตรงมา ประการที่สอง เราอยากเห็นทุกคน แม้แต่ในการเลือกตั้ง ไม่ยอมจำนนหรือพ่ายแพ้ต่ออำนาจรัฐ ต่อเงิน ต่ออิทธิพลต่าง ๆ อยากเห็นทุกอย่างเป็นไปอย่างสุจริตและยุติธรรม

“เราอยากเห็นประเทศเดินหน้าไปอย่างนั้น จึงมาพูดคุยหารือกัน เป็นเพิ่งเบื้องต้น ส่วนจะมีรายละเอียดอะไรเพิ่มเติมต่อไปนั้น ค่อยว่ากันอีกที วันนี้เพียงแต่มาแสดงถึง ตระหนึกในปัญหาที่เห็นต่อเนื่องมาและสองอยากหาทางออกร่วมกัน ที่เราจะสามารถพาประเทศไปข้างหน้าได้ โดยความร่วมมือของประชาชนทุกฝ่าย สำหรับการรวมพรรค ถ้าสามารถรวมความคิดได้ รวมหัวใจได้ เรื่องต่อไปไม่ยากเย็น” นายโภคินกล่าว

นายโภคินกล่าวว่า พรรคเกิดใหม่สามารถแข่งขันในกติกาเลือกตั้งบัตรสองใบ หาร 100 ได้ อยู่ที่ความเชื่อมั่นของประชาชน เหมือนเมื่อครั้งก่อตั้งพรรคไทยรักไทย

ไทยสร้างไทย-สร้างอนาคตไทย พรรคพันธมิตร

คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า ตน อาจารย์สมคิดและอาจารย์โภคิน เคยทำงานร่วมกันมาเป็นระยะเวลาหลายสิบปี เราในฐานะคนที่ผ่านประสบการณ์ มองเห็นปัญหาด้วยความห่วงใน และในฐานะเป็นแม่คน เรามองดูว่าถ้าปล่อยประเทศเป็นแบบนี้ลูกเราจะอยู่อย่างไร คนรุ่นใหม่จะอยู่อย่างไร การทำภารกิจครั้งนี้ในการสร้างพรรคการเมือง เข้ามาทำงานการเมืองเพื่อที่จะทำให้ประเทศไทยดีกว่านี้ เพื่อส่งมอบให้คนรุ่นต่อไป

“เราทำงานร่วมกันมานาน อาจารย์สมคิดเคยทำในเรื่องนโยบายที่สำคัญ ๆ ให้กับประเทศมาหลายนโยบาย ก็เลยมีการหารือกันว่า เอ๊ะ ถ้าเราจะมาทำงานการเมืองกันต่อ เราคงไม่ทำเพื่อมาแย่งตำแหน่งแห่งหนและสนับสนุนให้เกิดการใช้อำนาจเงิน อำนาจรัฐและการเมืองไปไม่ได้ คนรุ่นใหม่เดินต่อไปไม่ได้ ก็หารือกันว่า จะประสบการณ์ของพวกเราอะไรที่จะทำให้บ้านเมืองได้ และทำให้ประเทศไทยดีขึ้นกว่านี้ได้ เพื่อให้คนรุ่นต่อไปได้ก็มาคุยกัน เราเริ่มต้นที่เรื่องนี้ก่อน เรายังไม่เริ่มต้นกับการที่บอกว่า จะให้มาทำเพื่อตรงนี้ คนนี้ได้ตำแหน่งนี้ คนนั้นได้ตำแหน่งนั้น ที่เราคุยกันมาระยะหนึ่งก็จะคุยกันเรื่องนี้ ดังนั้น วันนี้เราก็ตกลงกันว่า เราจะพยายามแสวงหาทางออกให้กับบ้านเมือง และจะมีความร่วมมือเป็นพันธมิตรกัน เพื่อที่จะหาทางออกให้บ้านเมือง” คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว

คุณหญิงสุดารัตน์ล่าวว่า สิ่งที่สำคัญ คือ จากปัญหาประเทศวันนี้แทบจะเดินต่อไม่ได้แล้ว ทั้งความเหลื่อมล้ำ คนรุ่นใหม่ การศึกษาที่ตกต่ำมาก จำเป็นต้องยุติเรื่องของความขัดแย้งทางการเมือง เริ่มต้นที่การแก้รัฐธรรมนูญและเริ่มเดินหน้า สิ่งที่เรามีประสบการณ์ แลกเปลี่ยนกัน มองหาแนวทางว่า เราจะทำอะไรให้กับบ้านเมืองได้ วันนี้เป็นเรื่องของการพูดคุย การเป็นพันธมิตรในทางการเมือง

ตั้งคณะทำงานนโยบายหารือใกล้ชิด

นายอุตตมกล่าวว่า วันนี้ประเทศ ตนใช้คำว่า อยู่ในจุดพลิกผันจริง ๆ ทั้งด้านกาเมือง ความท้าทายทางด้านเศรษฐกิจที่มารอบด้าน ทั้งในประเทศและนอกประเทศ เราก็มานั่งคุยกันว่า เอ มีทางไหมที่จะผนึกกำลัง ทำงานร่วมกัน ใช้คำว่า ในเชิงพันธมิตรที่จะช่วยกันทำงานให้บ้านเมืองในจุดที่บ้านเมืองเผชิญความท้าทาย พลิกผันครั้งใหญ่ในครั้งนี้

“ปัญหาบ้านเมืองวันนี้ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่คนไม่กี่คนจะมาแก้ปัญหาได้ ต้องการการผนึกกำลังของคนที่มีปณิธานร่วมกันที่จะทำให้บ้านเมือง ซึ่งเป็นจุดที่เห็นพ้องต้องกัน ว่า เรามาเริ่มต้น ยังไม่สายไปที่จะทำงานในวันนี้ นำสรรพกำลังที่เรามีมาร่วมกันคิด ร่วมกันทำอย่างจริงจัง ไม่วอกแวกกับเรื่องอื่น มาถึงวันนี้เราเห็นพ้องต้องการว่า มาทำงานด้วยกัน”

นายอุตตมกล่าวว่า จะมีการตั้งคณะทำงานหารือกันของแต่ละพรรค เช่น คณะทำงานด้านนโยบาย และวันนี้เป็นการประกาศหาแนวร่วมที่จะมาระดมสรรพกำลังและวางอนาคตให้ประเทศ