สร้างอนาคตไทย พรรคแตก พับแผนเลือกตั้ง กทม.-อีสาน-ใต้

สร้างอนาคตไทย

ปรากฏการณ์เลือดไหลออกจาก “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” ขุนพลภาคใต้ ถึง “สุรนันทน์ เวชชาชีวะ” คีย์แมน กทม. ส่วน “สุพล ฟองงาม” แม่ทัพอีสานต้องเว้นวรรค ท่ามกลางฝุ่นตลบ “รวมพรรค” สร้างอนาคตไทย “ไม่แตกก็เหมือนแตก”

พรรคสร้างอนาคตไทยต้องเสีย 3 คีย์แมน กำลังหลักที่กุมสภาพ 3 สมรภูมิใหญ่ในการเลือกตั้งครั้งหน้า นับเป็นจำนวนเก้าอี้ ส.ส.ในสภากว่า 223 ที่นั่ง

กทม. 33 ที่นั่ง “สุรนันทน์” ที่ตั้งใจสร้างพรรคระยะยาว ขณะนี้กลายเป็นอดีตประธานภาค กทม. ทั้งที่ได้เปิดศูนย์ประสานงาน ปลุกปั้น “ผู้ประสานงานเขต” ครบทุกเขต และมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เต็มพื้นที่

แต่การ “รวมพรรค” ทำให้ “สุรนันทน์” ตัดสินใจโบกมือลา-ถอยออกมาจากพรรคสร้างอนาคตไทย

ภาคใต้ 58 ที่นั่ง “นิพิฏฐ์” ที่ประกาศสงครามครั้งสุดท้าย ต้องยอมกลืนเลือดด้วยวรรคทอง จะไม่รบในสงครามที่ไม่ชนะ

“ผมเป็นนักรบ ไม่ใช่ทหารสารบัญ ผมจะไม่สู้ในสงครามที่ไม่มีวันชนะ เว้นแต่เป็นสงครามที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่สงครามการเมืองเป็นสงครามสีเทา เป็นสงครามสีดำ เป็นสงครามที่ชั่วช้า วันนี้การเมืองเป็นสงครามที่เลวทรามที่สุด”

“ต้นตอ” มาจากการควบรวมพรรคใหม่ ที่ไร้ที่ยืนของ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย บนโพเดียมแคนดิเดตนายกฯ เบอร์ 1 และ “อุตตม สาวนายน” บนบังเหียน “หัวหน้าพรรค”

“นิพิฏฐ์” แม่ทัพที่ยอมตายคาสนามรบ แต่ไม่ยอมทิ้งเพื่อนร่วมรบไว้ข้างหลัง-ได้มีที่ยืน หอบอดีตว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พัทลุง 3 เขต ไปรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับพรรคพลังประชารัฐ ได้แก่ นายเอกภัทร ภัทร์รัศมี ว่าที่ ร.ต.พลกฤษณ์ คล้ายวิตภัทร และนายวัฒนา เรืองแก้ว

ขณะที่ นายวัชระ ยาวอหะซัน ส.ส.นราธิวาส พรรคพลังประชารัฐ ที่ได้ไปเปิดตัวเป็น “ว่าที่ผู้แสดงเจตจำนง” เป็นผู้สมัคร ส.ส.นราธิวาส กับพรรคสร้างอนาคตไทย มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า ยูเทิร์น-เลยไปจอดป้าย พรรครวมไทยสร้างชาติแทน

ภาคอีสาน 132 ที่นั่ง “สุพล” แม้จะไขก๊อกจาก “สมาชิกพรรค” สร้างอนาคตไทยไปแล้ว แต่กลับไม่ได้-ไปไม่ถึง เพราะ “ลั่นวาจา” ไว้แล้วว่า “จะเล่นการเมืองเที่ยวนี้เป็นสงครามครั้งสุดท้ายและจะเป็นพรรคสุดท้าย”

ทว่า “แมงปอ-โยธากาญจน์ ฟองงาม” บุตรสาวนายสุพล “ยกทีม” ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ไปร่วมตอกเสาเข็มกับพรรคภูมิใจไทย อาทิ นายสุทธิชัย จรูญเนตร น.ส.ตวงทิพย์ จินตะเวช

การลาออกของนายสุรนันทน์ พรรคสร้างอนาคตไทยได้ “จัดทัพใหม่” โดยมอบหมายให้ “สันติ กีระนันทน์” รองหัวหน้า-ประธานนโยบายเศรษฐกิจของพรรคไปรับไม้ต่อดูแล กทม.แทน

รวมถึงการระดมแกนนำของพรรคสร้างอนาคตไทยมาช่วยเดินหน้าต่อ เช่น “วิเชียร ชวลิต” รองหัวหน้า-
ผู้อำนวยพรรค นายกำพล ปัญญาโกเมศ อดีตอธิการบดีนิด้า 1 ในผู้ก่อตั้งพรรค

เตรียมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ที่เป็น “ส.ส.กทม.ปัจจุบัน” ของพรรครัฐบาล-พรรคฝ่ายค้าน มา “เสริมกำลัง” ในสนามเลือกตั้ง กทม.ครั้งหน้า

“วิเชียร” ยืนยันว่า พรรคยังเดินหน้าต่อ-ไม่สะดุด ส่วนความเป็นไปได้ในการรวมพรรค ถึงแม้ด้วย “เงื่อนไข” ของเวลาและข้อกฎหมายเป็นไปได้ยาก แต่ก็ไม่ได้เปิดประตูตายและจะเป็น “ทางเลือกสุดท้าย”

“ด้วยข้อจำกัดของเวลา ไปสู่กระบวนการเลือกตั้ง การรวมพรรคมีกระบวนการที่ซับซ้อนและใช้เวลาในการบริหารจัดการ เมื่อเวลาจำกัดและสั้นมาก โอกาสที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ หรือผลลัพธ์ ทำได้ยาก”

วันนี้พรรคต้องยืนในจุดที่ต้องเดินไปข้างหน้า เพราะในเวลาจำกัด การรวมพรรคยาก เพราะระบบการเลือกตั้งตามกฎหมายใหม่ มีระบบไพรมารี่ ถ้าไปรวมพรรคต้องทำใหม่ เป็นข้อจำกัดของกฎหมาย

“การรวมพรรคเป็นทางเลือกที่ทำได้ยาก และเป็นทางออกสุดท้าย เราไม่ปิดประตู แต่พร้อมเดินเข้าสู่เวทีการเลือกตั้ง เพราะถ้าปิดประตูจะเป็นการเสียเปรียบทางการเมือง (บัตรสองใบ หารด้วย 100)”

ข่าวการรวมพรรค 3 ส. เหมือนเป็นระเบิด (เวลา) ฆ่าตัวตาย หลังจาก 3 แม่ทัพ-ขุนพล ที่ยอมพร้อมสู้ตาย-ถวายหัวให้นายสมคิด ทยอยลาออกจากสร้างอนาคตไทย