ประยุทธ์ทำหนังสือถาม กกต. ขออนุมัติงบกู้เรือหลวงสุโขทัยได้ไหม เพราะเป็นเรื่องด่วน

นายกฯ เผย ทำหนังสือสอบถาม กกต. ว่าขออนุมัติงบฯกู้เรือหลวงสุโขทัยได้หรือไม่ เพราะเป็นเรื่องเร่งด่วน ส่วนฝุ่น PM 2.5 เป็นปัญหาในระดับภูมิภาค ขอให้เข้าใจสภาพภูมิอากาศ

วันที่ 11 เมษายน 2566 มติชน รายงานว่า ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงงบกลางที่จะใช้ในการกู้เรือหลวงสุโขทัย ได้มีการเสนอเข้า ครม.หรือยังว่า กำลังสอบถามคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อยู่ เพราะมีความจำเป็นเหมือนกัน ในเรื่องของการใช้งบประมาณในเรื่องใหม่ที่ไม่ได้มีอยู่ในงบประมาณเดิม ต้องถาม กกต. ซึ่งความจำเป็นเร่งด่วนมีอยู่ จะต้องเอาขึ้นมาให้เร็วที่สุด เพื่อตรวจสอบหลักฐานและสาเหตุต่าง ๆ ที่อยู่กับตัวเรือด้วย

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ว่า เรื่องนี้ได้มีการย้ำเตือนอยู่เสมอ และในวันเดียวกันนี้ก็ได้ย้ำไปว่า เราจะต้องทำให้เกิดการบูรณาการร่วมกัน ทุกคนลงไปทำงานในพื้นที่อย่างเต็มที่อยู่แล้ว โดยเฉพาะกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีอธิบดี 2 คน ลงไปอยู่ในพื้นที่ขณะนี้ และตัวเลขฝุ่น PM 2.5 ขึ้น ๆ ลง ๆ เป็นไปตามกระแสลมด้วย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเรื่องการเผาวัชพืช ทั้งในบ้านเราและพื้นที่ของเพื่อนบ้าน

โดยเราได้ประสานและหารือมาโดยตลอดอย่างต่อเนื่องในระดับจังหวัดต่าง ๆ ที่มีเขตต่อเนื่องกับการทำการเกษตรของประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาตนได้หาโอกาสพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีของ 2 ประเทศ ตอนนี้ PM 2.5 สร้างความเดือดร้อนให้ภูมิภาคอาเซียนอย่างมาก เพราะเป็นประเทศที่ทำการเกษตรทั้งสิ้น และ 2-3 ประเทศที่มีชายแดนติดกันกับเรา ซึ่งมีกลุ่มประเทศทางอินโดนีเซียอีกกลุ่มหนึ่ง และอากาศมีการเคลื่อนไปมาอยู่ตลอด เป็นสิ่งที่ต้องเข้าใจในบริบทของสภาพภูมิอากาศด้วย

ไม่กังวลหากประชาชนร้องเรียนรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวถามว่า ชาวจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่จะเข้าชื่อกันเพื่อร้องเรียนรัฐบาล นายกฯ กล่าวว่า ไม่เป็นไร ก็ร้องมา สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องขอความร่วมมือจากภาคประชาชน เพราะไฟเกิดขึ้นเองไม่ได้อยู่แล้วในป่า ขึ้นอยู่กับว่ามีการจุดไฟ มีการเผาวัชพืช มีการเข้าไปในป่าเขตอุทยานหรือเขตต่าง ๆ อาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เข้าไปหาของป่า เข้าไปล่าสัตว์ อันนี้เป็นผลกระทบโดยรวม ตนคิดว่าการทำงานในวันนี้เราทำในทุกวิถีทาง แต่ถ้าประชาชนยังไม่พอใจก็เป็นสิทธิของประชาชน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดรัฐบาลหวังในความร่วมมือของประชาชนให้มากยิ่งขึ้น ก็เห็นใจในภาคการเกษตร

วันนี้ได้หารือไปยังภาคธุรกิจต่าง ๆ ที่มีการลงทุนอยู่ที่ต่างประเทศในเรื่องการผลิตอาหารสัตว์ และอื่น ๆ เช่น ปลูกอ้อย ปลูกข้าวโพด และช่วงนี้เป็นช่วงรอยต่อในการเพาะปลูกรอบใหม่ ต้องช่วยกัน โดยเฉพาะภาคการเกษตรที่จะมีกำหนดเวลาในการเผา เพื่อไม่ให้เกิดมลพิษมากเกินไป เป็นระยะ ๆ แต่ไม่ค่อยได้รับความร่วมมือมากนัก ก็มักจะมาเผารวมกันในช่วงท้าย ๆ จึงทำให้ฝุ่นมากขึ้น

Advertisment

ก็ไม่ใช่การเกษตรอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของการใช้รถยนต์ด้วย การจุดไฟเผาป่า โรงงานอุตสาหกรรม ตนได้ตรวจสอบหน่วยงานทุกกระทรวงไปแล้ว และสั่งการให้มีการรายงานกลับมาทุก 3 วัน สั่งเพิ่มไปแล้ว ผ่านทางสำนักงานปลัดและจะมีการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติอีกครั้ง เพื่อแก้ปัญหาในภาพรวม

ผู้สื่อข่าวถามว่า เกรงว่าอาจถูกโยงไปเป็นประเด็นการเมือง นายกฯกล่าวว่า “ผมคิดว่าอยู่ที่วัตถุประสงค์และความมุ่งหมายของแต่ละคน แต่ละพรรคการเมือง ก็ว่ากันไป รัฐบาลพยายามจะทำให้เต็มที่ ตามหน้าที่ ตามความรับผิดชอบอย่างเต็มที่ แต่ข้อสำคัญคือถ้าเราไม่ร่วมมือกัน มันก็แก้อะไรไม่ได้สักอย่าง”

Advertisment