ประยุทธ์ ลบวาทกรรม “คุกมีไว้ขังคนจน” เตรียมใช้กฎหมายใหม่

นายกรัฐมนตรี เชื่อกฎหมายใหม่ ลบวาทกรรม “คุกมีไว้ขังคนจน” ชวนคนไทยติดตามประชุมเจ้าสัวโลก ดึงทุนจีนลงทุนรถอีวี

วันที่ 26 มิถุนายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม โพสต์เฟซบุ๊ก ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha ว่า “พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักครับความปรารถนาของผมตั้งแต่วันแรก และทุก ๆ วันของการทำหน้าที่สำคัญเพื่อชาติบ้านเมือง”

ส่วนหนึ่งคือต้องการสร้างความเสมอภาคในสังคมไทย ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้ผลักดันกฎหมายหลายฉบับ เช่น กฎหมายขายฝาก และการปฏิวัติดอกเบี้ย ที่ช่วยสร้างความเป็นธรรมให้กับคนตัวเล็กในสังคม ที่ต้องเผชิญกับปัญหาและถูกเอารัดเอาเปรียบมาตลอดชีวิต

ล่าสุด ผมรู้สึกดีใจที่จะมีกฎหมายอีกหนึ่งฉบับ คือ “กฎหมายการปรับเป็นพินัย” ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 22 มิถุนายนนี้ และมีความก้าวหน้าในการออกกฎหมายลูกและกฎระเบียบต่าง ๆ มารองรับ เพื่อให้กฎหมายนี้ มีประสิทธิภาพในทางปฏิบัติและบังคับใช้ได้จริงมากขึ้น สิ่งสำคัญที่สร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคมของเรา คือ การลบคำกล่าวที่ว่า “คุกมีไว้ขังคนจน”

เพราะต่อจากนี้ไป การกระทำผิดเล็กน้อย ไม่ต้องรับโทษทางอาญา สามารถทำงานเพื่อสาธารณประโยชน์ทดแทนการจำคุก-กักขังได้ และไม่มีการบันทึกประวัติอาชญากรรมให้เกิดรอยด่างพร้อยในชีวิต จึงเป็นการดูแลสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานให้กับคนไทย โดยเฉพาะในระดับฐานราก ที่ทั่วโลกต่างก็ตระหนักในประเด็นนี้

Advertisment

อีกส่วนหนึ่ง คือ ความปรารถนาที่ต้องการพิทักษ์ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ทั้งคนไทยและทุกคนในราชอาณาจักรไทย ที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล เช่น การแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ ที่รัฐบาลถือเป็น “วาระแห่งชาติ” โดยได้สร้างกลไกการทำงานในทุกระดับให้บูรณาการกันมากขึ้น รองรับการทำผิดรูปแบบใหม่ ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ ตลอดจนการเอาจริงเอาจังและจริงใจในการบังคับใช้กฎหมาย โดยไม่ละเว้นเจ้าหน้าที่รัฐ

มุ่งเน้นทำลายเครือข่ายค้ามนุษย์-เครือข่ายอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่อง ให้มารับโทษตามกฎหมาย ฯลฯ เป็นผลให้ได้รับการประเมินสถานการณ์การค้ามนุษย์ ประจำปี 2566 (TIP Report 2023) อยู่ในระดับเทียร์ 2 (Tier 2) ซึ่งสะท้อนความพยายามและผลการดำเนินงานของไทย ที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น

นอกจาก 2 เรื่องดังกล่าว ที่สะท้อนภาพลักษณ์ที่ดีของไทยในสายตาชาวโลกแล้ว ผมอยากให้ทุกคนได้ร่วมภาคภูมิใจว่า ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยสถาบันการจัดการนานาชาติ (IMD) ประจำปี 2566 อยู่อันดับที่ 30 ซึ่งดีขึ้น 3 อันดับจากปีที่แล้ว โดยเฉพาะในเรื่องของ “สมรรถนะทางเศรษฐกิจ” นั้น ดีขึ้น 18 อันดับ สะท้อนการค้า-การลงทุน-การจ้างงานที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น

ในขณะที่ไม่นานมานี้ ธนาคารโลกระบุว่า มาตรการทางการเงินและการคลังของไทย มีส่วนทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวจากช่วงวิกฤตโควิด ได้ดีกว่าประเทศส่วนใหญ่ในภูมิภาค อีกทั้งความต่อเนื่องในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ทำให้ผมเชื่อมั่นว่าประเทศไทยของเรา จะได้รับสนใจและดึงดูดการค้า-การลงทุน จากทั่วโลก ส่งผลให้เกิดการสร้างงาน สร้างโอกาสและรายได้ ให้กับพี่น้องประชาชนในทุกระดับ

Advertisment

สำหรับสุดสัปดาห์นี้ ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพ การประชุมผู้ประกอบการชาวจีนโลก ครั้งที่ 16 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-26 มิถุนายนนี้ ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ คาดว่าจะมีผู้ประกอบการชาวจีน จากทั่วโลกกว่า 4,000 คน เดินทางเข้าร่วมประชุม เจรจา สำรวจลู่ทางการค้าการลงทุนในครั้งนี้ ซึ่งเป็นไปได้ว่าจะมีการสนับสนุนการค้า-การลงทุน ที่เป็นประโยชน์กับไทย ในหลายมิติ เช่น (1) สิทธิพิเศษของการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

และ (2) มาตรการจูงใจเพื่อดึงดูดผู้ผลิตรถ EV จากจีน เข้ามาลงทุนมากขึ้นอีกด้วย ดังนั้น ผมขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนได้ติดตามข่าวสาร และร่วมกันเป็นเจ้าภาพที่ดี สร้างความประทับใจ และสร้างบรรยากาศที่ดี สำหรับการพัฒนาบ้านเมืองของเราไว้ให้กับลูกหลานไทยในอนาคตด้วยครับ