ตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรี เผยมีคนเคยถูกจำคุก-ข้าราชการ อยู่ในโผ ครม.

ทำเนียบรัฐบาล

เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ระบุว่า โผรายชื่อ ครม. สมบูรณ์ 100% แล้ว คาดว่าการตรวจสอบคุณสมบัติว่าที่รัฐมนตรีทั้ง 35 คน จะใช้เวลา 2 วัน ก่อนทูลเกล้าฯ เปิดคุณสมบัติต้องห้าม

วันที่ 29 สิงหาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า งานกระบวนการ ตรวจสอบคุณสมบัติว่าที่รัฐมนตรี ทั้ง 35 คน ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งได้รับการยืนยันจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ผู้ลงนามในหนังสือกราบบังคมทูลเกล้าฯ รายชื่อ แล้วส่งต่อให้กับเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ส่งเรื่องให้กับสำนักราชเลขาธิการ รับไปดำเนินการต่อไป

ล่าสุด นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้รายชื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว 100% แต่ยังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบคุณสมบัติ ซึ่งเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งว่า อาจใช้เวลาในการตรวจสอบคุณสมบัติ ประมาณ 2 วัน

ขั้นตอนการตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรี

ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ได้บัญญัติองค์ประกอบของคณะรัฐมนตรีไว้ในมาตรา 158 ความว่า “พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอื่นอีกไม่เกินสามสิบห้าคนประกอบเป็นคณะรัฐมนตรี มีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินตามหลักความรับผิดชอบร่วมกัน”

คณะรัฐมนตรี รัฐมนตรี ทั้ง 35 คน ที่ถูกแต่งตั้งจะปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่าการ รัฐมนตรีช่วยว่าการใน 20 กระทรวง รวมสำนักนายกรัฐมนตรี

Advertisment

อนึ่ง มีรัฐมนตรีที่ได้รับการเสนอชื่อบางรายเคยต้องโทษจำคุก เช่น นายพิชิต ชื่นบาน แต่ไม่เข้าข่ายลักษณะต้องห้าม ตามนัยแห่งรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี คือ เป็นความผิดอันได้กระทำโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท จึงไม่ถือว่าขาดคุณสมบัติ

นอกจากนี้ยังมีนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ซึ่งถูกเสนอชื่อให้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แต่ปัจจุบันเป็น “ข้าราชการ” ระดับปลัดกระทรวงการคลัง ซึ่งเมื่อตรวจคุณสมบัติแล้ว นายกฤษดาต้องลาออกจากราชการ ก่อนนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ

สำหรับขั้นตอนการตรวจสอบคุณสมบัติ ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 ซึ่งกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของรัฐมนตรี ไว้ดังนี้

(1) มีสัญชาติไทยโดยการเกิด

Advertisment

(2) มีอายุไม่ต่ำกว่าสามสิบห้าปี

(3) สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า

(4) มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์

(5) ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

(6) ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 98

(7) ไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุก แม้คดีนั้นจะยังไม่ถึงที่สุด หรือมีการรอการลงโทษเว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท

(8) ไม่เป็นผู้เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะเหตุกระทำการอันเป็นการต้องห้ามตามมาตรา 186 หรือมาตรา 187 มาแล้วยังไม่ถึงสองปีนับถึงวันแต่งตั้ง

นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญยังได้กำหนด “ห้ามมิให้ข้าราชการและพนักงานของรัฐ” ซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำและมิใช่ข้าราชการการเมือง จะเป็นข้าราชการการเมืองหรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอื่นมิได้ (มาตรา 181)

รัฐธรรมนูญได้กำหนดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าจะต้องไม่เป็นข้าราชการและพนักงานของรัฐที่มีเงินเดือนประจำหรือข้าราชการการเมืองอื่น ๆ สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญมาตรา 98 ต้องไม่เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในกรณีที่เข้าลักษณะตามวงเล็บ 1 ถึงวงเล็บ 18 ที่เกี่ยวข้อง เช่น

(12) เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำนอกจากข้าราชการการเมือง

(13) เป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น

(14) เป็นสมาชิกวุฒิสภาหรือเคยเป็นสมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกภาพสิ้นสุดลงยังไม่เกินสองปี

(15) เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ

อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี ว่าจะต้องเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้น ผู้ที่จะเป็นรัฐมนตรีอาจจะมาจากผู้ที่ไม่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือเป็น “คนนอก” ก็ได้เช่นเดียวกับกรณีของนายกรัฐมนตรี

นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญยังได้กำหนดคุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นรัฐมนตรีเพิ่มเติมไว้ในมาตรา 112 กล่าวคือ บุคคลผู้เคยดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา และสมาชิกภาพสิ้นสุดลงมาแล้วยังไม่เกินสองปี จะเป็นรัฐมนตรีหรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมิได้ เว้นแต่เป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น