ส่งท้ายปี ไทยพบโอไมครอน ทะลุพันราย พบมากสุด 3 จว. “กทม.-กาฬสินธุ์-ภูเก็ต” อธิบดีกรมวิทย์ ชี้ รักษาไม่ต่างกับพันธุ์อื่น ไม่จำเป็นต้องถอดรหัสพันธุกรรมคนติดเชื้อทุกคน
วันที่ 31 ธันวาคม 2564 นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าสถานการณ์การติดเชื้อโควิดโอไมครอนในประเทศไทย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ทำการตรวจจีโนมคัดแยกสายพันธุ์ในผู้ติดเชื้อโควิด ทั้งจากกลุ่มเดินทางจากต่างประเทศ กลุ่มมีอาการรุนแรง และกลุ่มคลัสเตอร์การแพร่ระบาดในประเทศ
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- หุ้นกู้ออกใหม่ 12 บริษัทแห่ขายเดือน เม.ย.นี้ จ่ายดอกเบี้ยสูงสุด 7.40%
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 1 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
“ในคลัสเตอร์การติดเชื้อเดียวกัน หากพบผู้ต้องสงสัยติดเชื้อจำนวนมาก จะมีการสุ่มตรวจสายพันธุ์ทันที เพื่อให้ทราบสถานการณ์”
โดยการตรวจหาสายพันธุ์โควิด-19 ในผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ผู้ติดเชื้ออาการรุนแรงในประเทศ และคลัสเตอร์ใหญ่ๆ รวมถึงผู้ติดเชื้อบริเวณชายแดน พบข้อมูลสะสมตั้งแต่เปิดประเทศ วันที่ 1 พ.ย.-30 ธ.ค. 2564 พบผู้ติดเชื้อโอไมครอน (Potentially) รวม 1,145 ราย ในจำนวนนี้เป็นการติดเชื้อจากต่างประเทศ 620 รายและติดในประเทศ 525 ราย
นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า ผู้ติดเชื้อโอไมครอน เพิ่มขึ้นวานนี้ (30 ธ.ค.2564) 211 ราย เป็นผู้มาจากต่างประเทศ 43 ราย ติดเชื้อในประเทศ 168 ราย
ทั้งนี้ แนวโน้มพบว่าเจอการติดในประเทศมากกว่ามาจากต่างประเทศ ซึ่งการระบาดในประเทศเป็นวง 2 วง 3 น่าจะมีมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เขตสุขภาพที่พบผู้ติดเชื้อโอไมครอนมากที่สุด คือ เขตสุขภาพที่ 13 กรุงเทพมหานคร จำนวน 325 ราย เขตสุขภาพที่ 7 จำนวน 309 ราย พบที่ จ.กาฬสินธุ์ มากที่สุด และเขตสุขภาพที่ 11 จำนวน 128 ราย พบที่ จ.ภูเก็ต มากที่สุด
“การรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสายพันธุ์โอไมครอน ใช้การดูแลไม่ต่างจากสายพันธุ์อื่นๆ ทั้งนี้ หากเราพบคลัสเตอร์เดียวกัน ที่มีผู้ติดเชื้อต้องสงสัยจำนวนมาก ก็อาจใช้วิธีสุ่มตรวจสายพันธุ์ ซึ่งไม่จำเป็นต้องตรวจทุกราย เพื่อให้ทราบสถานการณ์เท่านั้น ไม่ต้องรู้ถึงระดับรายปัจเจกบุคคล” นพ.ศุภกิจ กล่าว