คอลัมน์ : นอกรอบ ผู้เขียน : ญาวรรณ
เป็นเวลาเกือบ 3 ปี ที่เราและหลายประเทศเกือบทั้งโลกอยู่ในภาวะสิ้นหวัง เศรษฐกิจตกต่ำ บางคนหมดสิ้น อยากตาย และบางคนถึงกับตัดสินใจฆ่าตัวตาย เพราะคิดว่าหมดหนทางแล้ว
ทั่วทั้งโลก ประชากรโลกเสียชีวิตไปกับโรคระบาดร้ายแรงนี้กว่า 6 ล้านคน สหรัฐอเมริกา ประเทศที่มีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ากว่าประเทศใด ๆ ในโลก ถือเป็นประเทศที่มีบริษัทผลิตยาที่ทันสมัยที่สุดในโลกก็ว่าได้ กลับมีประชากรเสียชีวิตเพราะโรคระบาดนี้มากที่สุด
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
ประเทศไทย ซึ่งได้รับคำชมเชยจากหลายประเทศ รวมทั้งองค์การอนามัยโลกหรือ WHO ว่าจัดการกับปัญหาการระบาดของโควิด-19 ได้ดีมากประเทศหนึ่งของโลก ซึ่งต้องขอบคุณทั้งรัฐบาลไทย บุคลากรสาธารณสุขไทย ตลอดจน อสม. หรืออาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ที่มีอยู่กว่าล้านคนทั่วประเทศ ที่ต่างช่วยกันให้ปัญหาการระบาดของโรคโควิดในไทย ไม่บานปลายจนเกินไป
จนขณะนี้เราค่อย ๆ กลับมาสู่ภาวะปกติ เพราะที่ผ่านมาธุรกิจการท่องเที่ยวน่าจะเป็นธุรกิจหนึ่งที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดเนื่องจากไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามา ทั้ง ๆ ที่นักท่องเที่ยวจำนวนมากจากทั่วโลกอยากมาเที่ยวเมืองไทย แต่มาไม่ได้
ต.ค.ปลายปีที่แล้ว หรือเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวเริ่มทยอยเดินทางเข้าไทย โดยมาจากยุโรปน่าจะมากที่สุด เพราะประการแรก เข้าฤดูหนาวและปีนี้หนาวมาก ในขณะเดียวกันค่าพลังงานกลับสูงเป็นประวัติการณ์ เพราะสงครามยูเครนกับรัสเซียที่เริ่มมาตั้งแต่ 24 ก.พ. ปีที่แล้วจนบัดนี้ ยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติ
ประการที่สอง นักท่องเที่ยวหลายชาติที่ชอบเมืองไทย อยากมาเที่ยวนานแล้ว แต่ไทยยังไม่เปิดประเทศอย่างเป็นทางการเพราะการระบาดของโควิด
เมื่อเปิดประเทศนักท่องเที่ยวจากหลาย ๆ ชาติจึงทะลักกันเข้ามาอย่างช่วงปลายเดือน ต.ค. เฉพาะที่สนามบินสุวรรณภูมิ บางวันนักท่องเที่ยวเข้ามาถึงกว่า 45,000 คน จำนวนนักท่องเที่ยวที่ทางการไทยพยากรณ์ไว้ว่าจะเข้ามาถึง 10 ล้านคน ก่อนสิ้นปีที่ผ่านมา ปรากฏว่าไม่ทันถึงสิ้นปี จำนวนนักท่องเที่ยวก็เลยหลัก 11 ล้านคนไปแล้ว
ขณะที่ผู้นำรัฐบาลลุงตู่ ได้คาดการณ์ไว้อีกว่าปีนี้ ทั้งปีจะมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาเที่ยวเมืองไทยถึง 20 ล้านคน ถ้าไม่มีปัญหาใด ๆ มาแทรกซ้อน ซึ่งผมว่าน่าจะมากกว่า 20 ล้านด้วยซ้ำ ปัญหาแทรกซ้อนที่ว่า น่าจะมีอยู่ 2 ประเด็น คือ ประเด็นแรกโควิดจะกลับมาระบาดอีกในปีนี้ในรูปแบบหรือสายพันธุ์ใหม่ ที่เก่งกว่าทุกสายพันธุ์ในอดีตที่ผ่านมา
ประเด็นที่สอง เกิดความวุ่นวายทางการเมืองขึ้นมาอีก
บางคนคงคิดว่าเมื่อไรจะพูดถึง “นักท่องเที่ยวจากยุโรป อเมริกา และนักท่องเที่ยวจีน แตกต่างกันอย่างไร” ตามที่จั่วหัวเรื่องไว้
เอาล่ะครับ ผมจะเล่าจากประสบการณ์ตรงที่ทำที่พักเกสต์เฮาส์ หรือรีสอร์ตเล็ก ๆ แก่นักท่องเที่ยวตั้งแต่ต้นปี 2561 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งพอเข้าปีที่ 3 หรือต้นปี 2563 เกิดโรคระบาดร้ายแรง นักท่องเที่ยวหายหมด ทำให้ธุรกิจที่พักโรงแรมที่ “สายป่าน” สั้นต่างล้มหายตายจาก เพราะมีแต่รายจ่าย แต่ไม่มีรายได้ ส่วนของผมเป็นธุรกิจในครอบครัวไม่ได้เอาเงินธนาคารมาลงทุน จึงเดือดร้อนน้อยกว่า
ตั้งแต่เดือน ต.ค.ปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวจากยุโรปหลายประเทศต่างจองที่พักกันมาติด ๆ บางรายจองและมาพักนานถึงหนึ่งเดือนก็มี นั่นก็คาดเดาไม่ยาก เพราะยุโรปหนาวนานเป็นเดือน ๆ ค่าครองชีพประจำวันก็สูงกว่าเดิมมาก จึงมุ่งมาเมืองไทยเป็นอันดับแรก เพราะประเทศไทยมีจุดขายหลายประการ
ที่สำคัญคือ หลาย ๆ คนที่ผมได้คุยด้วยบอกว่าที่ชอบเมืองไทย อันดับแรก คือ คนไทย ไม่เหมือนชาติใดในโลก คือ ความมีน้ำใจ ยิ้มง่าย ใจดี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เขาชอบคนไทยมาก ที่พวกเขามักจะใช้คำรวม ๆ ว่า คนไทย are very friendly นอกนั้น อาหารไทยก็อร่อยมาก
ตามที่คนไทย ต่างชาติทราบกันดี และอีกประการหนึ่ง คือ ไทยมีสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติที่สวยงามมากมาย ทั้งทะเลและเกาะที่สวยมากที่ภาคใต้ และภาคตะวันออก ภูเขา วัฒนธรรมที่สวยงามในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และทุก ๆ ภาคของไทยล้วนน่าไปเที่ยว
ที่สำคัญ เมื่อชาวยุโรปหรืออเมริกันจองที่พัก เขาจะพิจารณาจากข้อมูล ภาพที่ประชาสัมพันธ์ไว้ใน home page แล้วก็ตัดสินใจจอง เมื่อถึงวันใกล้ที่จะเดินทางไปเข้าที่พักก็จะถามเพียงว่า จะไปที่พักได้อย่างไรเมื่อเดินทางถึงเชียงใหม่แล้ว ก็เพียงเท่านั้น
โดยการจ่ายค่าที่พักล่วงหน้า เมื่อถึงที่พักก็จะถามอะไรอีกเล็กน้อย เช่น มี WiFi ไหม อาหารเช้าจะหาทานได้ที่ไหนใกล้ ๆ วันที่จะ check out ก็ถามอีกเล็กน้อยถึงการเรียกรถ หรือขอให้รถไปส่งที่นั่นที่นี่เท่านั้น เช่น ส่งสนามบิน สถานีรถไฟ หรือสถานีรถบัส
นั่นคือวัฒนธรรมที่ดีที่ผมเห็นว่า ผู้ที่รับ “ฝรั่ง” เข้าพักในที่พักตนเอง จะรู้สึกคล้ายกันกับที่ผมพูดมา ถ้าเป็นคนจีนในที่นี้หมายถึงคนจีนแผ่นดินใหญ่เป็นหลัก ที่ช่วงนี้ประเทศจีน แผ่นดินใหญ่เปิดประเทศแล้ว และคนจีนเริ่มเดินทางเข้ามาเที่ยวไทยกันมากมาย
ที่เชียงใหม่ ก็เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจีน เป็นจำนวนมาก ซึ่งถ้าให้เลือก ผมจะเลือกรับ นักท่องเที่ยวจากยุโรป/อเมริกา มากกว่านักท่องเที่ยวจีน ที่กว่าจะจองที่พักได้ จะถามโน่นถามนี่มากมาย ทั้ง ๆ ที่เกือบทุกประเด็นที่ถาม มีหมดแล้วในข้อมูล ข่าวสารที่ได้ประชาสัมพันธ์ไป
เมื่อเดินทางมาถึงที่พักผมก็ยังถามโน่นถามนี่อีกมาก บางคนภาษาอังกฤษงู ๆ ปลา ๆ และบางคนก็ต้องใช้ Google translation แทน ก็ดีไปอย่าง
แต่ที่สำคัญในเรื่องของความสะอาด (ที่พักผมมีบริการให้ใช้ครัวและตู้เย็นใบใหญ่ฟรีร่วมกัน) ซึ่งฝรั่งมักทำความสะอาดได้ดีกว่าคนจีน ทั้งในและนอกห้องพัก ที่ทำให้ผมซึ่งเป็นเจ้าของที่พักต้องปวดหัวและไม่ปวดหัว เพราะต้องทำความสะอาดมาก กรณีคนจีนหลายคนที่เข้ามาพัก
ครับ คงมีความคิดไม่แตกต่างกันนัก สำหรับคนไทยที่มีที่พักไว้รองรับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวไทยจำนวนมากในฤดูกาลนี้
