กรมศุลฯ ออกนโยบายไม่ค้นตัวนักท่องเที่ยวต่างชาติ ปล่อยใส่แบรนด์เนม

นักท่องเที่ยว
ภาพจาก PIXABAY

กรมศุลฯ ออกนโยบายไม่ค้นตัวนักท่องเที่ยวต่างชาติ ปล่อยหิ้วกระเป๋าแบรนด์เนม, สวมนาฬิกาแพงติดตัว ผ่านเข้าไทยเต็มที่ รับเปิดประเทศ

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ รองอธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมศุลกากรออกนโยบายอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว รับการเปิดประเทศ โดยจะไม่ค้นตัวนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศ แม้ว่าจะมีของติดตัวมาที่มีมูลค่าสูงก็ตาม

โดยนโยบายอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศดังกล่าว เป็นนโยบายของนายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร ที่ต้องการอำนวยความสะดวก ไม่สร้างภาระให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทย

“กรมห้ามเจ้าหน้าที่ศุลกากรค้นตัว หากเขามีของใช้ใส่ติดตัวมา อย่าไปยุ่งกับนักท่องเที่ยว เพราะอธิบดีให้นโยบายว่าอย่าสร้างภาระให้กับนักท่องเที่ยว หากไม่มีข้อมูล หากจับค้นทุกคนคงมีปัญหาตามมา” นายพันธ์ทองกล่าว

นายพันธ์ทองกล่าวต่อว่า ดังนั้น เจ้าหน้าที่กรมศุลฯ จะไม่ค้นตัวนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทย แม้ว่านักท่องเที่ยวรายนั้นจะสะพายกระเป๋าหรูราคาแพงมูลค่าหลายแสน หรือสวมนาฬิกาหรูที่มูลค่าสูงหลายล้านก็ตาม หากเป็นการสวมใส่เพื่อใช้เป็นส่วนตัว หรือเป็นของใช้ส่วนตัว ไม่ได้นำเข้าเพื่อการค้าเชิงพาณิชย์ เช่น ไม่ได้ใส่กล่องมา เป็นต้น

โดยการที่เจ้าหน้าที่กรมศุลกากร จะดำเนินการขอค้นตัวนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศคือ กรณีมีข้อมูลทางลับที่แจ้งให้ทราบว่ามีการลักลอบนำเข้าหรือกรณีที่แสดงอย่างชัดเจนว่าไม่ใช่เป็นของติดตัว เช่น สวมนาฬิกาหลายเรือนบนข้อมือ เป็นต้น

“กรมศุลกากรแคร์ในเรื่องภาพลักษณ์ของเจ้าหน้าที่ศุลกากร ดังนั้น เจ้าหน้าที่ที่ที่ปฏิบัติงานจะต้องแต่งเครื่องแบบทุกคน รวมทั้งหากอยู่ ๆ เราจะไปตรวจค้นนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทย โดยไม่มีเบาะแสมาก่อน ย่อมส่งผลต่อภาพลักษณ์ของเจ้าหน้าที่” รองอธิบดีกล่าว

สำหรับระเบียบปฏิบัติของกรมศุลกากรในเรื่องการนำของติดตัวเข้ามาทางท่าอากาศยานนั้น ในกรณีผู้โดยสารเดินเข้าช่องไม่มีสิ่งของต้องสำแดง หรือช่องเขียว หมายถึงผู้โดยสารที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งไม่มีของต้องชำระภาษีอากร ไม่มีของต้องห้าม หรือของต้องกำกัดเข้ามาพร้อมกับตน ให้เดินผ่านช่องตรวจเขียวหรือช่องไม่มีของต้องสำแดง

โดยของที่ได้รับยกเว้นอากรมี ดังนี้ ของใช้ส่วนตัวที่มีปริมาณพอสมควรสำหรับใช้ส่วนตัวและมีมูลค่ารวมทั้งหมดไม่เกิน 2 หมื่นบาท ซึ่งมิใช่ของต้องห้าม ต้องกำจัดหรือเสบียงอาหาร บุหรี่ไม่เกิน 200 มวน หรือยาสูบไม่เกิน 250 กรัมหรือน้ำหนักรวมทั้งหมดทุกประเภทไม่เกิน 250 กรัม

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ปริมาตรไม่เกิน 1 ลิตร และหากนำบุหรี่ ยาสูบ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เข้ามาเกินกว่าปริมาณที่กำหนด โปรดหย่อนใส่กล่องที่กรมศุลกากรจัดไว้ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกดำเนินคดี

กรมศุลกากรเน้นอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารโดยระบบบริหารความเสี่ยง มาใช้คัดเลือกตรวจสอบกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสารกรณีการตรวจสัมภาระผู้โดยสารขาเข้า ณ ช่องมีสิ่งของต้องสำแดง หรือช่องแดง กรณีที่ 1 เป็นของติดตัวผู้โดยสาร

ซึ่งไม่มีลักษณะเป็นเชิงการค้าและมีมูลค่าไม่เกิน 2 แสนบาท เจ้าหน้าที่ศุลกากรจะคำนวณค่าภาษีอากรปากระวาง ส่วนกรณีที่ 2 เป็นของต้องห้าม และ/หรือต้องกำกัดที่ไม่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้นำเข้าจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย