“ต่างชาติ” ถือครองที่ดินไทย ฝากรัฐบาลใหม่…เอาให้ชัด !

Photo by Mladen ANTONOV / AFP
คอลัมน์ : ชั้น 5 ประชาชาติ
ผู้เขียน : กฤษณา ไพฑูรย์

ข่าวความเคลื่อนไหวของทุนต่างชาติแอบเข้ามาซื้อ ถือครองที่ดินในหลายจังหวัดของประเทศไทย โดยเฉพาะจังหวัดหัวเมืองหลักด้านการท่องเที่ยว เช่น เชียงใหม่, ภูเก็ต, เมืองพัทยา จ.ชลบุรี และเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ในลักษณะ “นอมินี” นั้นเป็นที่ทราบกันดีว่า เกิดขึ้นมาเนิ่นนานแล้วแต่รูปธรรมที่ปรากฏชัดหลังช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้คนไทยแตกตื่น

เมื่อพบคนจีนเข้ามาซื้อบ้านจัดสรรหลายโครงการในพื้นที่ 3 อำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ คือ อ.หางดง อ.สันกำแพง และ อ.สันทราย ในลักษณะมาตั้งชุมชนเมืองขนาดใหญ่

แม้กฎหมายของประเทศไทยไม่เปิดให้ต่างชาติถือครอง “ที่ดิน” ได้ แต่พ่อค้าจีนหัวใสใช้บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของคนจีนเข้ามาร่วมลงทุนกับนักธุรกิจท้องถิ่นสร้างโครงการจัดสรร แล้วไปเร่ขายให้คนจีนซื้อ โดยทำสัญญากันในประเทศจีน ซึ่งเป็นรูปแบบของสัญญาผูกมัดให้คนจีนรู้สึกเป็นเจ้าของที่มีบ้านอยู่ในไทย

ตอกย้ำชัดเจนถึงความต้องการของคนจีนที่ต้องการมาปักหลักบ้านหลังที่ 2 ในประเทศไทย เมื่อ “ปรีดิกร บูรณุปกรณ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อรสิริน โฮลดิ้ง จํากัด แบรนด์อสังหาริมทรัพย์ท้องถิ่นระดับ Top 5 ของเชียงใหม่

ให้สัมภาษณ์ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ล่าสุดดีเวลอปเปอร์ชาวจีนและเอเยนซี่ชาวจีนหลายรายในประเทศจีนติดต่อมายังบริษัทโดยตรงว่า มีความต้องการเข้ามาซื้อที่อยู่อาศัยในจังหวัดเชียงใหม่ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม และให้เตรียมตัวรับลูกค้าจากประเทศจีนให้ทัน

ซึ่งกฎหมายตาม พ.ร.บ.อาคารชุด (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 มาตรา 19 ทวิ ระบุว่า ”อาคารชุดแต่ละอาคารชุดจะมีคนต่างด้าวหรือนิติบุคคลตามที่ระบุไว้ในมาตรา 19 ถือกรรมสิทธิ์ในห้องชุดได้เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกินอัตราร้อยละ 49 ของเนื้อที่ของห้องชุดทั้งหมดในอาคารชุดนั้น”

ดังนั้น บริษัท อรสิรินฯจึงเตรียมแผนการลงทุนเร่งด่วนภายในระยะเวลา 2 ปี (ปี 2566-2567) ก่อสร้างคอนโดมิเนียม 5 โครงการรวด เพื่อรองรับตลาดจีน โดยเชียงใหม่เป็น top destination ของชาวจีนที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย เพื่อเป็นบ้านหลังที่ 2

โดยคนจีนเริ่มเข้ามาซื้ออสังหาฯในเชียงใหม่ตั้งแต่ก่อนเกิดโควิด ซึ่งคอนโดมิเนียม 2 โครงการบนถนนช้างคลานของอรสิรินฯ ในส่วนโควตา 49% ที่ต่างชาติสามารถซื้อห้องชุดของโครงการนี้ได้ เป็นสัดส่วนลูกค้าชาวจีนกว่า 30% ทั้ง 2 โครงการ

ขณะที่หันมาทาง “เมืองพัทยา” จังหวัดชลบุรี ซึ่งเพิ่งฟื้นขึ้นมาจากโควิด-19 ล่าสุดในการลงสำรวจพื้นที่พัทยาพบ “ทุนจีน” มาซุ่มกว้านซื้อที่ดินแปลงใหญ่ประมาณ 20 ไร่ มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท บริเวณพัทยาใต้หลังบิ๊กซี เตรียมขึ้นเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จากที่ก่อนเกิดโควิด มีข่าวทุนจีนมากว้านซื้อคอนโดมิเนียมหลายโครงการแบบยกชั้น ตามกฎหมายเปิดช่องให้ถือกรรมสิทธิ์ได้ 49%

ดังนั้น รัฐบาลชุดใหม่ หรือเหล้าเก่าในขวดใหม่ ที่จะเข้ามาบริหารประเทศคงต้องออกกฎหมายให้ชัดเจนในเรื่อง “การถือครองที่ดิน-โครงการจัดสรรแนวราบต่าง ๆ” เพื่อให้ประเทศชาติไม่เสียหาย และได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากคนต่างชาติที่เข้ามาอยู่ ใช้ทรัพยากรในประเทศไทยได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย