เรียนรู้จาก “เตี่ย” เพื่อสร้างดาวเป็น “เฮีย”

คอลัมน์ ชั้น 5 ประชาชาติ

โดย สาโรจน์ มณีรัตน์

ต้องยอมรับความจริงอย่างหนึ่งว่ากลวิธีการบริหารธุรกิจในปัจจุบันมีความซับซ้อนเกินยากที่จะคาดเดา เพราะบางทีกิจการที่ดำเนินอยู่ในคนรุ่นหนึ่ง แต่พอถึงคนอีกรุ่นหนึ่งกลับไม่อยากดำเนินการต่อ โดยอ้างว่าธุรกิจที่ทำอยู่ในปัจจุบันยากเกินไปสำหรับเขา

ใหญ่เกินไปที่จะดูแล และบริหารได้ทั้งหมด

หรือมองเห็นว่าธุรกิจที่ทำอยู่ไม่ทันสมัย

ล้าหลังเกินไป

ดังนั้น หากคนรุ่นผม, ฉัน, เธอ จะเข้ามาบริหารธุรกิจต่อจากคนรุ่นพ่อ-แม่ ผม, ฉัน, เธอ จึงอยากจะดำเนินธุรกิจในรูปแบบใหม่มากกว่า

ถ้าเห็นด้วย…ทำ

แต่ถ้าไม่เห็นด้วย ขอแยกเส้นทางไปสร้างดาวคนละดวงดีกว่า เพราะไม่อยากให้ใครมาตำหนิได้ว่าที่บริหารธุรกิจอยู่ได้เป็นเพราะรุ่นพ่อ-แม่สร้างมา หรือประสบความสำเร็จในธุรกิจวันนี้ เพราะพ่อ-แม่กรุยทางมาให้ก่อน

นักธุรกิจรุ่นใหม่หลายคนคิดแบบนี้

คิดในมุมของตัวเอง

โดยลืมไปว่าสิ่งที่คนรุ่นพ่อ-แม่ หรือปู่-ย่า-ตา-ยาย สร้าง ล้วนผ่านความยากลำบากมาอย่างไรบ้าง ล้มเหลวไม่รู้กี่ครั้ง กว่าจะยืนได้ในวันนี้

ผมเคยถามนักธุรกิจรุ่นใหม่หลายคนว่ารู้เรื่องราวเหล่านี้บ้างไหม ?

รู้…เขาตอบ

แล้วทำไมไม่สานต่อธุรกิจล่ะ ในเมื่อคุณภาพการศึกษาของคุณก็ดีกว่า พวกเขาเรียนหนังสือจบจากต่างประเทศ พูดภาษาอังกฤษเป็น ใช้เทคโนโลยีก็เป็น ทั้งยังมีคอนเน็กชั่นกับเหล่าบรรดาเพื่อน ๆ จากโรงเรียน และมหาวิทยาลัยชั้นดีอีกหลายแห่ง

อยากหาประสบการณ์ก่อน… เขาตอบ

ผมเลยถามต่อว่าไปทำอะไร ?

ก็ทำงานบริษัทเอกชนสัก 1-2 ปี เพื่อเรียนรู้ขอบข่ายงานธุรกิจในระดับสากล เพื่อนำมาต่อยอดในอนาคต หรือไม่ก็ลองทำธุรกิจของตัวเองก่อน ถ้าประสบความสำเร็จก็ทำต่อ แต่ถ้าไม่… ค่อยกลับไปทำธุรกิจของครอบครัว

นักธุรกิจรุ่นใหม่ที่คิดแบบนี้มีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ

ผมเคยมีรุ่นน้องคนหนึ่ง จบมหาวิทยาลัยอกชนชั้นนำของเมืองไทยในระดับปริญญาตรี และไปจบปริญญาโทที่เมืองบอสตัน สหรัฐอเมริกา

กลับเมืองไทยเขาเลือกทำงานบริษัทที่ปรึกษา

ทำอยู่สักระยะหนึ่งเขาก็ลาออก แล้ว ไปเล่นหุ้น ทำธุรกิจเพนต์เล็บในห้างสรรพสินค้า และตอนนี้กำลังเปิดยิมเนเซียมเล็ก ๆ สำหรับสอนมวยไทยให้แก่เด็ก ๆ ในห้างสรรพสินค้ากลางกรุง ทั้ง ๆ ที่บ้านทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

เขาบอกผมว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในการสร้างบ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียมของที่บ้านเป็นของตาย ตอนนี้ธุรกิจของครอบครัวยังดำเนินต่อไปได้เรื่อย ๆ ไม่มีอะไรน่าห่วง จะกลับไปทำวันไหนก็ได้ เพราะเตี่ยกับแม่ยอมให้ทำอยู่แล้ว

แต่การที่ออกมาผจญภัยด้วยการทำธุรกิจเล็ก ๆ ของตัวเองนี่สนุกกว่า เพราะได้คิดเอง ลงทุนเอง กำไร-ขาดทุนเอง และไหนจะต้องติดต่อขอกู้เงินจากแบงก์เอง รวมไปถึงการติดต่อขอเช่าพื้นที่ของห้างสรรพสินค้าในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งเป็นอะไรที่ทำให้เรารอบรู้มากขึ้น

พูดง่าย ๆ ขอทำในสิ่งที่ตัวเองรักก่อน

ธุรกิจของครอบครัวทุกอย่างถูกเซตเป็นระบบอยู่แล้ว เราเข้าไปเสียบตอนไหนก็ทำได้ทันที เพราะคุ้นชินมาตั้งแต่เด็ก ๆ

ผมแย้งเธอไปว่า…แต่มีโครงการบ้านเดี่ยวหลายโครงการ รวมถึงคอนโดมิเนียมอีกหลายทำเล ต่างต้องการรูปแบบการใช้ชีวิตที่ตอบสนองคนรุ่นใหม่นะ เพราะเขาเองก็เป็นคนรุ่นใหม่ น่าจะเอามุมมองการใช้ชีวิตแบบคนรุ่นใหม่เข้าไปผสมผสานในการออกแบบบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียมได้

เขาหัวเราะ และบอกว่า…เดี๋ยวนี้รูปแบบการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ หรือคนรุ่นเก่า มีความหลากหลาย ดังนั้น การออกแบบบ้านเดี่ยว หรือคอนโดมิเนียม จึงต้องมีความหลากหลายไปด้วย ที่สำคัญต้องตอบสนองการอยู่อาศัยของคนมากที่สุด

และปัจจุบัน คนรุ่นใหม่มักออกไปสร้างครอบครัวใหม่ของตัวเอง ฉะนั้น จะเห็นว่าแต่ละโครงการพยายามนำเสนอรูปแบบการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ในทุก ๆไลฟ์สไตล์เข้าไปผสมผสาน ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชั่นของโฮมออฟฟิศ

สีของผนังบ้าน และพื้นผิวของวัสดุที่ไม่ดูดซับความร้อน

เฟอร์นิเจอร์ที่มาจากไม้ปลูก

รวมไปถึงการจัดวางแต่ละฟังก์ชั่นให้เป็นส่วนสัด เพื่อแยกให้เห็นพื้นที่ของแต่ละส่วนน่าจะตอบสนองต่อการพักผ่อนอาศัย ความบันเทิงเริงรมย์ และการใช้ชีวิตแบบคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ ที่จะต้องมีเรื่องของไฮเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

ผลเช่นนี้ จึงทำให้เขามองว่าคงอีกไม่นานหรอกที่จะกลับไปดำเนินธุรกิจของครอบครัว ขอเวลาสร้างดาวคนละดวงสักพัก เพราะยังไงต้องกลับไปช่วยเหลือครอบครัวอย่างแน่นอน

พร้อมกันนั้น เขาก็เล่าให้ฟังเพิ่มเติมว่าเดี๋ยวนี้คนรุ่นใหม่หลายคนชอบใช้ชีวิตอิสระ ส่วนหนึ่งหันมาทำงานฟรีแลนซ์ค่อนข้างเยอะ

เพราะอยากเป็นนายตัวเอง

ไม่อยากเป็นมนุษย์เงินเดือน

ดังนั้น การที่ครอบครัวมีธุรกิจ จึงเหมือนเป็นการต่อยอดให้ความฝันที่เขาอยากทำประสบความสำเร็จเร็วขึ้น และเมื่อความฝันเป็นจริง ธุรกิจจะดำเนินต่อไปได้ จนทำให้โอกาสที่จะสร้างธุรกิจครอบครัวให้แตกแขนงออกมาเป็นธุรกิจย่อยย่อมมีมากขึ้นไปด้วย

เพราะเขามีประสบการณ์แล้ว

ประสบการณ์นี่เองที่จะทำให้ “คนรุ่นใหม่” ในยุคปัจจุบัน กล้าผันตัวเองไปทำในสิ่งที่ “คนรุ่นเก่า” อาจไม่กล้า หรือบางทีเขาก็หาญกล้าเกินไปที่จะเนรมิตอะไรบางอย่างขึ้นมาเพื่อสร้าง “ลายเซ็น” ของตัวเอง เพราะเขาเรียนรู้มาจากอดีตแล้วว่า…การจะทำธุรกิจอะไรสักอย่าง เราต้องพยายามสร้าง “ลายเซ็น” ของตัวเอง

เพราะ “ลายเซ็น” จะเป็นเครื่องบ่งชี้ให้ผู้คนรอบข้างเห็นว่า…เขาเดินมาถูกทางแล้ว

เขาประสบความสำเร็จแล้ว

จนกลายเป็น “ไอดอล” ให้ “คนรุ่นใหม่” อีกหลายคนทำตามเหมือนอย่างที่เรา ๆ ท่าน ๆ เห็นกันอยู่ทุกวันนี้

ทุกวันที่ใคร ๆ ก็ต่างอยากมี “ดาว” ประจำของตัวเอง