พลังบวกเศรษฐีช่วยชาติ

บทบรรณาธิการ

ผ่านไปสัปดาห์เศษ นับจาก 21 เมษายน 2563 ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ทำจดหมายเปิดผนึกถึง 20 มหาเศรษฐีของเมืองไทย ขอความร่วมมือช่วยเหลือประเทศชาติในช่วงวิกฤตโควิด-19 ปรากฏว่าทุกคนที่ได้รับจดหมายประสานเสียงรับ เสนอตัวเป็นหนึ่งในทีมประเทศไทยตามนโยบายนายกฯ

โดยระบุว่าต่อจากนี้ไปหลากหลายกิจกรรมเพื่อสังคม หรือ CSR ที่แต่ละรายทำอยู่แล้ว ทั้งในนามส่วนตัว หรือองค์กร จะถูกนำมาขยายผล ต่อยอด ควบคู่กับริเริ่มกิจกรรมใหม่ ตอบสนองเป้าหมายที่รัฐบาลต้องการขับเคลื่อนผลักดัน ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่มหาเศรษฐีทั้ง 20 อันดับมีแนวคิดมุมมองสอดคล้องกันว่า ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันบ้านเมืองจะฝ่าวิกฤตไปได้ คนตัวใหญ่ต้องยอมเสียสละช่วยคนตัวเล็ก

โดยเฉพาะคนในชุมชนท้องถิ่นซึ่งเป็นฐานรากใหญ่ เป็นต้นธารของเศรษฐกิจชุมชนต้องอยู่รอดปลอดภัย มิฉะนั้นคงยากที่เศรษฐกิจในภาพรวมซึ่งกำลังย่ำแย่จะฟื้นคืนกลับมาได้ อย่างไรก็ตาม การแสดงสปิริตช่วยชาติ ไม่ได้จำกัดแค่แวดวงมหาเศรษฐีที่จดหมายเปิดผนึกส่งถึงมือเท่านั้น คนมีสตางค์ หรือมีกำลังความสามารถก็ควรแสดงน้ำใจช่วยเหลือคนที่กำลังยากลำบาก เป็นการช่วยสังคม ประเทศชาติ อีกรูปแบบหนึ่ง นอกเหนือจากการบริจาคเงิน เครื่องมือ อุปกรณ์ทางการแพทย์ หน้ากากอนามัย เจลล้างมือ ฯลฯ ป้องกันความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ที่ผู้มีจิตกุศลจำนวนมากร่วมบริจาค แต่หากขยายวงช่วยเหลือในรูปแบบอื่น ๆ ได้เพิ่ม และเกิดผลในทางปฏิบัติเป็นรูปธรรมจะเป็นโมเดลกู้วิกฤตที่อาจจะเกิดขึ้นทั้งภายในและนอกประเทศในวันข้างหน้า

ที่สำคัญจากเดิมที่การช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติเป็นภารกิจหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐ เมื่อเศรษฐี ตระกูลดัง เสนอตัวช่วยแบ่งเบาภาระ โดยอาศัยประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจ นำมาสู่โครงการ มาตรการหลายรูปแบบ อาทิ สร้างแหล่งน้ำ สร้างงาน สร้างอาชีพ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในชุมชน ฯลฯ ความพร้อมและความคล่องตัวของภาคเอกชนจะส่งผลให้การแก้ปัญหาทำได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น

ที่น่ายินดีคือการเสนอตัวช่วยเหลือภาครัฐกู้วิกฤตโควิด ตามแนวคิดของ 20 มหาเศรษฐี ส่วนใหญ่เน้นให้ความช่วยเหลือเพื่อแก้ปัญหาทั้งเฉพาะหน้าและระยะยาว โดยก็น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้สร้างความแข็งแกร่ง และมั่นคงยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจฐานรากถือว่าถูกทางและตรงจุด

หากทำจริง พร้อมขยายแนวร่วมทีมประเทศไทยโดยเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง ทั้งช่วงวิกฤต ยามปกติ จะเป็นพลังบวก เป็นภูมิคุ้มกัน ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ แก้รวยกระจุก จนกระจาย ที่บ่อนเซาะสังคมไทยเวลานี้