ประมูลกล้องไลก้า เฉลิมพระเกียรติ ยอดรวม 214 ล้านบาท นักธุรกิจฮ่องกงร่วมประมูล สร้างยอดสูงสุด 30 ล้านบาท

ประมูลกล้องไลก้า
ประมูลกล้องไลก้า

เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 30 กันยายน ในงาน Sustainability Expo 2022 หรือ SX 2022 มหกรรมการแสดงสินค้าด้านความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ มีการจัดงาน “โครงการประมูลกล้องถ่ายภาพชุดพิเศษ Leica รุ่น M 10-P Limited Edition เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ. ๒๕๖๒ (เพื่อ ๒๒ องค์กรการกุศล)” โดยมีผู้บริหารองค์กร มูลนิธิ และผู้สนใจประมูล เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ (จำกัด) มหาชน กล่าวเปิดงานว่า เนื่องในโอกาสมหามงคล พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ. 2562 บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ในฐานะข้าบดินทร์ที่ได้อยู่ใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของพระบรมราชจักรีวงศ์อย่างร่มเย็น จึงมุ่งมั่นที่จะร่วมเทิดพระเกียรติและร่วมเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสมหามงคลนี้ ด้วยการจัดสร้างกล้องไลก้า รุ่น M 10-P Limited Edition เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ. 2562 ขึ้น เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความจงรักภักดี และด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

ประมูลกล้องไลก้า
ประมูลกล้องไลก้า

กล้องถ่ายภาพไลก้าเป็นกล้องถ่ายภาพจากเยอรมนี ที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 100 ปี และได้รับการยกย่องว่าเป็นกล้องถ่ายภาพที่สร้างด้วยความประณีต ละเอียดอ่อนประหนึ่งงานศิลปะ ให้คุณภาพของภาพที่คมชัด มีความคงทน มีรูปแบบที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่ซ้ำแบบใคร นับเป็นยอดปรารถนาของคนที่รักการถ่ายภาพอย่างยิ่ง และเป็นที่นิยมของนานาประเทศที่จะจัดสร้างกล้องถ่ายภาพไลก้ารุ่นพิเศษ เพื่อเป็นที่ระลึกในโอกาสที่สำคัญที่สุด อาทิ วาระครบรอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระมหากษัตริย์ประเทศต่างๆ หรือโอกาสพิเศษอื่นๆ ซึ่งมักจะจัดทำในจำนวนที่จำกัด เพื่อให้เป็นของที่ทรงคุณค่า และจารึกไว้ให้เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่สำคัญของโลก ที่นักสะสมต่างแสวงหามาครอบครอง

นายฐาปน กล่าวอีกว่า การจัดทำกล้องไลก้ารุ่นพิเศษนี้ ไทยเบฟเวอเรจได้รับอนุญาตจากคณะอนุกรรมการฝ่ายกลั่นกรองการขอใช้ตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ในคณะกรรมการฝ่ายโครงการและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ให้เชิญตราสัญลักษณ์ไปประดับบนกล้องได้ โดยได้จัดทำกล้องถ่ายภาพเป็น 2 รูปแบบ คือ ชุดสีเหลือง จำนวน 10 ชุด และชุดสีเขียว จำนวน 20 ชุด เพื่อนำกล้องทั้ง 6 ชุด ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร

นอกจากนี้ จะนำชุดหนึ่งเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ของไทยเบฟเวอเรจ และอีกชุดหนึ่งจะมอบให้กับพิพิธภัณฑ์ไลก้า สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เพื่อจัดแสดงเป็นการถาวร ร่วมกับกล้องถ่ายภาพชุดสำคัญอื่นๆ ของโลก ที่เก็บรักษาไว้ ณ พิพิธภัณฑ์แห่งนั้น เพื่อให้ผู้เข้าชมทราบถึงความสำคัญที่คนไทยรักและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และอีก 22 ชุดนำออกจำหน่าย เพื่อนำรายได้ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยกำหนดราคาชุดสีเหลือง ชุดละ 1.5 ล้านบาท และชุดสีเขียว ชุดละ 1 ล้านบาท

นายฐาปน เผยอีกว่า และเพื่อเป็นการสร้างประโยชน์สูงสุดแก่สังคม ไทยเบฟเวอเรจจึงได้น้อมนำพระปฐมบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตามพระราชปณิธานในการ “สืบสาน รักษา และต่อยอด” ด้วยการรับซื้อกล้องถ่ายภาพทั้งหมด และนำเงินรายได้จำนวน 35 ล้านบาท ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากนั้นจึงได้นำกล้องถ่ายภาพจำนวน 22 ชุด มอบให้กับมูลนิธิและองค์กรการกุศล 22 องค์กร อันประกอบด้วย

มูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช, มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์, ไตรโครงการ ประกอบด้วย 3 มูลนิธิ ได้แก่ มูลนิธิพัชรสุธาคชานุรักษ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์, มูลนิธิภูบดินทร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และ มูลนิธิราชทัณฑ์ปันสุข ทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย, มูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (ม.ท.ศ.), มูลนิธิชัยพัฒนา, มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์, มูลนิธิสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า, มูลนิธิจุฬาภรณ์, มูลนิธิ TO BE NUMBER ONE, ศิริราชมูลนิธิ,

มูลนิธิรามาธิบดี มูลนิธิสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์, มูลนิธิคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ, มูลนิธิโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า, มูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอก คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, มูลนิธิโรงพยาบาลตำรวจ ในพระบรมราชินูปถัมภ์, มูลนิธิรัฐบุรุษ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์, องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF), มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์, สมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และ สถาบันโรคไตแห่งประเทศสิงคโปร์ โดยจัดประมูลขึ้นในวันนี้ และจะนำรายได้จากการประมูลกล้องถ่ายภาพดังกล่าว มอบให้แต่ละมูลนิธิ องค์กรการกุศลทั้ง 22 องค์กร ไปสร้างสรรค์ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ต่อไป

“ในฐานะตัวแทนองค์กรของคนไทยและประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ผมมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้เป็นส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่ง ที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมกับ 22 องค์กรการกุศล เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์ประโยชน์ เพื่อความสุขของสังคมโดยรวม และประเทศชาติให้ยั่งยืนสืบไป สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณทุกท่านอีกครั้งหนึ่ง ที่มาร่วมการประมูลและร่วมเป็นสักขีพยานในการประมูลครั้งนี้” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ไทยเบฟเวอเรจ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประมูลครั้งนี้ดำเนินการโดยสถาบันการประมูลคริสตี้ส์ ประเทศไทย เป็นการประมูลกล้องไลก้าชุดสีเหลือง จำนวน 4 ชุด และชุดสีเขียว จำนวน 17 ชุด สำหรับ 21 องค์กรในประเทศไทย และจะจัดประมูลขึ้นอีกครั้งที่ประเทศสิงคโปร์ สำหรับสถาบันโรคไตแห่งประเทศสิงคโปร์ โดยการประมูลเสร็จสิ้นเมื่อราว 21.30 น. ปิดยอดการประมูลที่ 214 ล้านบาท

นายเทอเรนซ์ ชง (Terence Cheung) นักธุรกิจชาวฮ่องกง คือผู้ประมูลสูงสุดที่ยอด 30 ล้านบาท โดยประมูลกล้องไลก้าชุดสีเหลือง 1 ชุด ยอด 25 ล้านบาท รายได้เข้ามูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย และชุดสีเขียว 1 ชุด ยอด 5 ล้านบาท รายได้เข้ามูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ เผยว่า รู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้เข้าร่วมการประมูลครั้งนี้ ซึ่งไม่ว่าจะประมูลด้วยยอดเท่าใด ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี ที่ได้มอบรายได้แก่มูลนิธิต่างๆ เพื่อนำไปทำประโยชน์แก่สังคมต่อไป

“เมื่อมีมาตรการผ่อนคลายโควิด จึงเดินทางจากฮ่องกงมายังประเทศไทยทันที รู้สึกตื่นเต้นที่ได้เข้าร่วมการประมูลครั้งนี้ ปกติผมชื่นชอบการสะสมกล้องตัวต้นแบบและสะสมเลนส์อยู่แล้ว การประมูลกล้องครั้งนี้ผมคาดว่าคงนำมาเก็บไว้ชื่นชม เพราะเป็นกล้องรุ่นพิเศษที่จัดทำขึ้นเนื่องในโอกาสมหามงคลโดยเฉพาะ” นายเทอเรนซ์ ชง กล่าว