เปิดประวัติความเป็นมา ความหมายสุดลึกซึ้งเกี่ยวกับโชคลาภ ความเจริญรุ่งเรือง และความสุขตลอดปีใหม่ ของขนมมงคลที่ใช้ไหว้บรรพบุรุษในเทศกาลตรุษจีน
เทศกาลตรุษจีน เป็นเทศกาลสำคัญสำหรับชาวจีนทั่วโลก รวมถึงชาวไทยเชื้อสายจีน ตามปฏิทินจันทรคติแล้วตรุษจีนถือว่าอยู่ในช่วงสิ้นปี
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเล็ต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
โดยคำว่า “ตรุษ” ในภาษาสันสกฤต แปลว่า “การตัดหรือทำให้ขาด” ซึ่งหมายถึงการตัดขาดจากปีเก่าเพื่อเข้าสู่ปีใหม่ ซึ่งอยู่ระหว่างเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ตามปฏิทินสมัยใหม่
นอกจากนี้ ยังเป็นช่วงที่พืชพรรณและผลผลิตต่าง ๆ เริ่มผลิดอกออกผล ประกอบกับอากาศกำลังดี ไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไป ช่วงเวลาดังกล่าวจึงเป็นเวลาแห่งงานรื่นเริงและเฉลิมฉลองของชาวจีนทั่วโลก
คนจีนถือเอาช่วงเวลานี้เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ มีพิธีกรรมต่าง ๆ มากมายเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคล ไม่ว่าจะเป็นการสวมเสื้อผ้าสีแดงชุดใหม่ และการไหว้บรรพบุรุษด้วยอาหาร รวมทั้งขนมมงคล ที่ล้วนแฝงไปด้วยความหมายและที่มาสุดลึกซึ้ง
สำหรับขนมมงคลที่นิยมใช้ไหว้บรรพบุรุษ หากยึดตามหลักประเพณีดั้งเดิมแล้ว จะนิยมใช้ซาลาเปาหรือหมั่นโถว ขนมเข่ง หรือขนมเทียน ขนมถ้วยฟู และขนมจันอับ เป็นต้น ซึ่งจำนวนชนิดของขนมมักจะสอดคล้องกับจำนวนของคาวที่ใช้ไหว้ด้วยเช่นกัน
ซาลาเปา หมั่นโถว ห่อโชคห่อลาภ
ซาลาเปา หรือ ซอลอเปา เป็นภาษาที่ชาวจีนแต้จิ๋วใช้เรียกขนมชนิดนี้ แต่ชาวจีนทั่วไปจะเรียก เปาจื่อ หรือเปา ซึ่งทำด้วยแป้งสาลีหรือแป้งหมี่ ปั้นเป็นแผ่นกลมและห่อไส้ จากนั้นปั้นขึ้นรูปเป็นก้อนกลมฐานเรียบ และนำไปนึ่งจนสุก ซึ่งมีทั้งไส้หวานและไส้เค็ม
แรกเริ่มเดิมทีชาวจีนไม่ได้เรียกซาลาเปาว่า เปา หรือ เปาจื่อ แต่เรียกต่างกันไปในแต่ละยุคสมัย ไม่ว่าจะเป็น เจิงปิ่ง, เจิงเกา, เมี่ยน, เจิงเมี่ยน และหมานโถว ส่วนชื่อ เปา ถูกเรียกหลังชื่ออื่น ๆ เมื่อประมาณ 1,000 ปีที่ผ่านมา
ซาลาเปาเป็นขนมชนิดหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในช่วงเทศกาลตรุษจีน เนื่องจากสื่อถึงความเป็นสิริมงคลในเรื่องของการห่อโชคห่อลาภ
ขนมเข่ง ขนมเทียน ความหวานชื่นและความราบรื่นในชีวิต
ขนมเทียน เป็นขนมที่ดัดแปลงจากชาวจีนโพ้นทะเล ที่อพยพเข้ามาในประเทศไทย จากขนมใส่ไส้เปลี่ยนจากแป้งข้าวเจ้าผสมกะทิ มาเป็นแป้งข้าวเหนียว ลักษณะเป็นกรวยแหลมคล้ายเจดีย์ ทำให้สื่อถึงความเป็นมงคล และมีความหมายว่า ความหวานชื่น และความราบรื่นในชีวิต
สำหรับขนมเข่ง มีส่วนผสมหลักคือแป้งข้าวเหนียวกับน้ำตาลที่เทใส่กระทงใบตองแห้งที่วางบนเข่งเล็ก ๆ จึงได้ชื่อว่าขนมเข่ง ซึ่งมีหลายแบบด้วยกัน ทั้งทำจากแป้งข้าวเหนียวขาวกับน้ำตาลทรายขาว, แป้งข้าวเหนียวดำ และสีออกน้ำตาลที่ใช้แป้งข้าวเหนียวขาวกับน้ำตาลทรายแดง เดิมมี 2 สีคือ สีขาวและดำ ซึ่งเป็นการแทนสัญลักษณ์หยินกับหยาง
สำนักงานราชบัณฑิตยสภา ให้ข้อมูลว่า ในภาษาจีนกลางเรียกขนมเข่งว่า เหนียนเกา แปลว่า ขนมกวนเหนียว ๆ หรือขนมเค้กเหนียว ๆ เหตุที่ใช้เป็นขนมในเทศกาลตรุษจีน เพราะชื่อของขนมเข่งในภาษาจีนกลางพ้องเสียงกับคำ 2 คำในคำอวยพรคือ “เหนียนเหนียนเกาเซิง” ที่แปลว่า ขอให้เจริญยิ่งขึ้นทุกปี
ส่วนภาษาจีนแต้จิ๋วเรียกขนมชนิดนี้ตามรสชาติว่า ตีก้วย แปลว่า ขนมที่มีรสหวาน โดยรวมขนมเข่งและขนมเทียนจึงหมายถึงความหวานชื่นและความราบรื่นในชีวิต
ขนมถ้วยฟู เพิ่มพูนความรุ่งเรืองเพื่องฟู
ชาวจีนเรียกขนมถ้วยฟูว่า “ฮวดโก้ย” โดย ฮวด แปลว่า เจริญงอกงาม และ โก้ย แปลว่า ฟู หรือ ขนม ดังนั้น ขนมฮวดโก้ย จึงมีความหมายอันเป็นมงคลว่า ขนมแห่งความเจริญเฟื่องฟู ทำให้เป็นอีกขนมชนิดหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในงานมงคล
ชาวจีนและชาวไทยจะนิยมนำขนมถ้วยฟูไปไหว้เจ้าหรือประกอบพิธีงานมงคลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นงานแต่งงาน หรือช่วงเทศกาลตรุษจีน และส่วนมากจะใช้ขนมถ้วยฟูที่เป็นสีแดงซึ่งก็เป็นสีมงคลของชาวจีนด้วยเช่นกัน
จันอับ 5 สหายเพิ่มพูนความหวานและความสุขตลอดไป
ขนมจันอับ เป็นขนมที่เรียกพ้องเสียงมาจากภาษาจีนว่า “จังอั๊บ” ส่วนในภาษาแต้จิ๋วเรียกว่า แต้เลี้ยว, จับกิ้ม และ มึงเต้าเขี่ย จันอับเป็นขนมสารพัดนึกของขาวจีนเลยก็ว่าได้ เนื่องจากนำไปใช้ได้ในหลายเทศกาล ไม่ว่าจะเป็น ไหว้เจ้า งานแต่ง วันสารทจีน โดยเฉพาะใช้ไหว้บรรพบุรุษในเทศกาลตรุษจีน
จันอับให้ความหมายอันเป็นมงคลว่า ความหวานที่เพิ่มพูนและมีความสุขตลอดไป ซึ่งประกอบไปด้วยการรวมตัวของขนม 5 ชนิดด้วยกันคือ ถั่วตัด (เต้าปัง), งา (อิ้วมั่วปัง), ข้าวพอง (บีปัง), ถั่วลิสงเคลือบน้ำตาลสีขาว-แดง (ซกซา) และฟักเชื่อม (ตังกวยแฉะ)