“รอมแพง” แต่ง “บุพเพสันนิวาส” เลือกใช้ประวัติศาสตร์ให้เข้ากับพล็อต

แม้จะเป็นละครที่พระเอก-นางเอกไม่ใช่ “คู่จิ้น” ที่การันตีได้ว่าแฟนคลับเตรียมกรี๊ดแน่นอน แต่พอเริ่มออกอากาศกลับกลายเป็นว่าละครเรื่อง “บุพเพสันนิวาส” จากค่ายบรอดคาซท์ ไทยเทเลวิชั่น สร้างกระแส “ออเจ้า” กันทั่วบ้านทั่วเมือง ช่วยให้ช่อง 3 เรตติ้งพุ่งกระฉูดในช่วงยากลำบากของธุรกิจทีวีดิจิทัล

นอกจากทีมนักแสดงและผู้จัดแล้ว คนที่ถูกพูดถึงและดังเปรี้ยงปร้างขึ้นมาพร้อมกับละครก็คือผู้แต่งนิยาย “บุพเพสันนิวาส” เธอคือ จันทร์ยวีร์ สมปรีดา เจ้าของนามปากกา “รอมแพง” บัณฑิตคณะโบราณคดี วิชาเอกประวัติศาสตร์ศิลปะ มหาวิทยาลัยศิลปากร จากประวัติการศึกษาบ่งบอกว่า เธอมีความสนใจเรื่องราวในประวัติศาสตร์แน่นอน แต่ถึงกระนั้น เธอบอกว่าในการเขียนนิยายเรื่องนี้ไม่ได้ยึดตามประวัติศาสตร์ แต่ต้องเลือกว่าจะให้ตัวละครไปในแนวทางไหน เพื่อจะให้อยู่ในพล็อตที่อยากให้เป็น

แนวคิดในการเขียนนิยายบุพเพสันนิวาส คืออะไร

เริ่มเป็นนักเขียนในปี 2549 มีความคิดมาตลอดว่าอยากจะเขียนนิยายย้อนยุคสักเรื่องหนึ่งจากประวัติศาสตร์ แล้วก็อยากเขียนให้เป็นแนวของเรา ก็คือโรแมนติกคอเมดี้ แบบเด็กอ่านได้ผู้ใหญ่อ่านดี แบบอ่านแล้วมีความสุขค่ะ เนื่องจากส่วนตัวเป็นคนที่ชอบประวัติศาสตร์อยู่แล้ว แต่ว่าตอนที่เรียนคือเรียนประวัติศาสตร์ศิลปะ

กว่าจะมาเป็นนิยายบุพเพสันนิวาสเตรียมข้อมูลอย่างไร มากน้อยแค่ไหน

เริ่มเก็บข้อมูลตั้งแต่ปี 2549 ทั้งที่เป็นตำนานซุบซิบ เล่าขาน และพงศาวดาร แล้วก็จดหมายเหตุบาทหลวงที่เข้ามาในสมัยนั้น แต่ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าจะทำอะไร จะเขียนยุคไหนดี แล้วทีนี้

ไปเจอข้อมูลของนักเลงสุราที่ขึ้นเรือไปฝรั่งเศสกับราชทูต โกษาปาน เป็นคนมีกสิณพาเรือข้ามน้ำวนได้ ก็เลยนึกพล็อตย่อยตัวละครฝั่งพระเอกเป็นคนที่ดื่มสุราเกกมะเหรกเกเรเพื่อพรางตัว แล้วก็เลยคิดว่ายุคสมัยสมเด็จพระนารายณ์ฯมีสีสันมาก มีประวัติศาสตร์หลายกระแสมาก สามารถสร้างแคแร็กเตอร์ของตัวละครให้เป็นมนุษย์ได้ คือมีดี-ไม่ดี มีเปลี่ยนใจ จากร้ายมาเป็นดีได้

แล้วตกผลึกเรื่องนี้เมื่อไหร่ ใช้เวลาเขียนนานไหม

ตกผลึกเรื่องบุพเพสันนิวาสตอนปี 2552 อันนี้คือวางพล็อตอะไรเสร็จ มีข้อมูลทางด้านประวัติศาสตร์วาง ๆ เรียงไว้ตามไทม์ไลน์ของหน้าประวัติศาสตร์ แล้วก็เริ่มเขียนเดือนกันยายน สิ้นเดือนตุลาคมก็เขียนจบ

รู้สึกเกร็งบ้างไหม เขียนเรื่องที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์

ก็เราเลือกแล้วว่าจะทำตรงนี้ และเราก็ไม่ได้สร้างความเสียหายให้ตัวละครในประวัติศาสตร์ เพราะเราสร้างให้เขาเป็นคนจริงที่มีทั้งความดี ความคิดที่หุนหันพลันแล่น ความคิดชั่ววูบ ก็มีหลากความคิดให้เหมือนคนจริง ๆ เพราะฉะนั้นไม่ได้เป็นการบอกว่าคนนี้เป็นคนชั่ว ก็เลยไม่ค่อยเกร็งเท่าไหร่ จะเกร็งในด้านข้อมูลมากกว่า

ได้แฝงเรื่องอะไรที่คนอ่านไม่รู้บ้างไหม

ก็มีค่ะ พยายามเขียนประวัติศาสตร์ให้เป็นกลาง ๆ ในมุมมองของเกศสุรางค์มองไปยังบุคคลต่าง ๆ ที่เขาเจอ ตัวเกศสุรางค์ก็ไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วตัวละครในประวัติศาสตร์ที่เขาเจอนิสัยเป็นอย่างไรกันแน่ แต่เราสื่อในมุมมองของเกศสุรางค์เท่านั้น ที่นี้พอทำแบบนี้แล้วมันก็จะคลุมเครือ ก็เกิดความไม่แน่ใจของคนดูหรือคนอ่าน เขาก็จะเกิดความสงสัย พอเขาเกิดความสงสัย เขาก็จะไปค้นหาหลักฐานทางประวัติศาสตร์มาอ่านจริง ๆ อันนี้คือแฝงความต้องการตรงนี้ไว้

ตัวละครไหนที่มีมิติและมีอิทธิพลต่อเนื้อเรื่องมากที่สุด

น่าจะเป็นฟอลคอน (คอนสแตนติน ฟอลคอน) นะคะ เขามีความขัดแย้งในตัวเองสูง มีความระมัดตัวเองสูงมาก อาจจะเป็นเพราะว่าสิ่งที่เขาเจอมาทั้งชีวิต เขาเป็นตัวละครที่น่าสนใจว่าตัวตนที่จริงแล้วเขาเป็นคนอย่างไรกันแน่ ในเรื่องไม่ได้เขียนสรุปว่าฟอลคอนเป็นคนอย่างไร แต่จะสื่อในด้านความเป็นอัจฉริยะกับความอหังการ มีความภาคภูมิใจในตัวเองที่ฝ่าฟันชีวิตได้จากเป็นเด็กเรือธรรมดามาเป็นเสนาบดีของอยุธยา

คิดว่าอะไรทำให้ละครบุพเพสันนิวาสเป็นกระแสโด่งดังมาก

อันนี้ต้องขอบคุณทีมงานนักแสดงและผู้กำกับฯ แล้วก็ผู้เขียนบทละครก็คืออาจารย์ศัลยา (ศัลยา สุขะนิวัตติ์) ที่ขยี้รายละเอียดปลีกย่อยต่าง ๆ ให้ปรากฏเด่นชัดขึ้น ในบางเรื่องก็มากกว่าในนิยาย มันก็มีอรรถรสทำให้คนสนใจดูละคร พอสนใจดูก็ขวนขวายอ่านนิยาย ตอนนี้นิยายก็ตีพิมพ์เยอะมาก ตีพิมพ์แทบไม่ทันค่ะ

รู้สึกอย่างไรกับกระแสตอบรับตอนนี้

รู้สึกกลัวนิด ๆ เหมือนกันค่ะ มันดังมากไป แล้วมันจะเป็นที่จับจ้องมากไป ไม่ค่อยชอบ คือชอบความเป็นส่วนตัวมากกว่า ตอนนี้ต้องเดินสายให้สัมภาษณ์แล้วไปบรรยายนักศึกษาด้วย คือไม่ใช่ตัวเราสักเท่าไหร่ ชอบอยู่ในถ้ำมากกว่า ชอบอยู่เงียบ ๆ คนเดียวมากกว่า แต่ก็คือดีใจนะคะที่พอกระแสมามากก็ทำให้คนอ่านหนังสือของเรามาก เพราะว่าเราเป็นนักเขียนก็อยากให้มีคนอ่านงานของเราเยอะ ๆ อยู่แล้ว

เห็นว่าจะมีบุพเพสันนิวาสภาค 2 พอจะเล่าพล็อตคร่าว ๆ ได้ไหม

อีกนานมากค่ะ แต่ก็วางพล็อตไว้คร่าว ๆ แล้ว แล้วก็พยายามหาข้อมูลเยอะ กะว่าจะเขียนตั้งแต่สมัยพระเจ้าเสือจนถึงพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะได้อะไรสักแค่ไหนนะคะ