สำรวจการเสี่ยงโชคลุ้นรวย คนไทยเล่นหวย คนต่างชาติเล่นอะไร?

Photo by Drew Angerer/Getty Images

ภาคิน วลัยวรางกูร : เรื่อง

รายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนของประเทศไทยอยู่ที่ราว 27,000 บาทต่อเดือน (อ้างอิงจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ) ต้องใช้เวลาราว 19 ปี โดยที่ไม่ใช้จ่ายสักบาทจึงจะมีเงินเก็บถึง 6,000,000 บาท แต่หากใครคนหนึ่งถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 คนคนนั้นจะมีเงิน 6,000,000 บาทภายในชั่วข้ามคืน ด้วยเงินลงทุนราว 80-100 บาท/ใบ นี่อาจเป็นเหตุผลว่าทำไมลอตเตอรี่จึงเป็นที่นิยมสำหรับนักเสี่ยงโชคที่หวังจะรวยทางลัด ถึงแม้ว่าจะมีโอกาสถูกรางวัลที่ 1 เพียง 0.0001% หรือเพียง 1 ในล้านก็ตาม

นอกจากสลากกินแบ่งรัฐบาลแล้ว ก็ยังมีการเล่นหวยใต้ดินที่แพร่หลายทั่วประเทศ โดยอิงผลการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล ก็คือ การอิงเลขท้าย 2 ตัวของผลรางวัลที่ 1 ของสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็น “เลขบน” เลขท้าย 3 ตัวของผลรางวัลที่ 1 ของสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็น “เลข 3 ตัวบน” และผลการออกรางวัลเลขท้าย 2 ตัว เป็น “เลขล่าง” นอกจากนั้น ยังมีสารพัดรายการลุ้นโชคที่ยึดเอาตัวเลขจากการออกรางวัลต่าง ๆ มาเล่นกัน เช่น หวยสลากออมสิน หวยสลากออมทรัพย์ หวยหุ้น หวยปิงปอง หวยประเทศเพื่อนบ้าน ฯลฯ ก็ล้วนแต่ได้รับความนิยม บ้างก็เป็นการเพิ่มโอกาสในการเสี่ยงดวง บ้างก็ด้วยการออกผลรางวัลที่ถี่ ทำให้ (เชื่อว่าจะ) เพิ่มโอกาสในการถูกรางวัลมากขึ้น

ในปัจจุบันรัฐบาลกำลังผลักดัน “หวยอิเล็กทรอนิกส์” ที่ให้เหตุผลว่าเพื่อช่วยลดปัญหาการขายสลากกินแบ่งเกินราคา รวมถึงเพื่อให้คนเล่นหวยใต้ดินน้อยลง ทำให้เงินไหลคืนสู่ระบบมากขึ้น ซึ่งหลายฝ่ายตั้งคำถามว่าจะยิ่งเป็นการมอมเมาคนในประเทศยิ่งกว่าเดิมหรือเปล่า จากประเด็นนี้ทำให้เรานึกสงสัยว่าที่ต่างประเทศเขาเล่นลอตเตอรี่กันอย่างไร จึงได้รวบรวมข้อมูลสลากกินแบ่งที่น่าสนใจในต่างแดนมานำเสนอ ดังนี้

Powerball (สหรัฐอเมริกา)

พาวเวอร์บอลเป็นหนึ่งในสลากกินแบ่งที่ได้รับความนิยมในสหรัฐอเมริกา ด้วยเงินรางวัลแจ็กพอตที่สูงถึง 40 ล้านเหรียญสหรัฐ มีการประกาศรางวัลทุกวันพุธและวันเสาร์ เวลา 22.59 น. ตามเขตเวลาตะวันออกของสหรัฐ (ช้ากว่าไทย 12 ชั่วโมง) ซึ่งจำนวนเงินรางวัลแจ็กพอตที่ว่าจะถูกทบไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะมีผู้ถูกรางวัล สถิติเงินรางวัลที่สูงที่สุดเคยมีมาอยู่ที่ 1,586 ล้านเหรียญ หรือราว 4.8 หมื่นล้านบาท เป็นสถิติเงินรางวัลจากลอตเตอรี่ที่สูงที่สุดในโลก

วิธีการเล่น คือ ผู้เล่นจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 2 เหรียญต่อหนึ่งตา ในแต่ละตาสามารถเลือกได้ 6 หมายเลข ซึ่ง 5 หมายเลขแรกจะต้องเลือกระหว่างเลข 1 ถึง 69 ส่วนตัวสุดท้ายเรียกว่า เลข Powerball เลือกระหว่างเลข 1 ถึง 26 และยังสามารถจ่ายเพิ่มอีก 1 เหรียญ เพื่อคูณเงินรางวัลที่จะได้รับ (ยกเว้นรางวัลแจ็กพอต) เงินรางวัลเริ่มต้นอยู่ที่ 4 เหรียญ สำหรับการทายถูกหนึ่งหมายเลข โอกาสถูกรางวัลทั่วไปอยู่ที่ 1 ใน 25 ส่วนโอกาสถูกรางวัลแจ็กพอตอยู่ที่ 1 ใน 292 ล้าน (โอกาสถูกน้อยกว่ารางวัลที่ 1 ของไทยเกือบ 300 เท่า)

ในประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากพาวเวอร์บอลแล้ว ยังมี “เมกา มิลเลียนส์” (Mega Millions) ที่เป็นที่นิยม ซึ่งมีวิธีการเล่นและเงินรางวัลที่ใกล้เคียงกัน

Photo by Christopher Furlong/Getty Images

Euro Millions (สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, สเปน, ออสเตรีย, เบลเยียม, ไอร์แลนด์, ลักเซมเบิร์ก, โปรตุเกส และสวิตเซอร์แลนด์)

ยูโรมิลเลียนส์มีเงินรางวัลแจ็กพอตเริ่มต้นที่ 17 ล้านยูโร ประกาศรางวัลทุกวันอังคารและวันศุกร์ เวลา 20.45 น. ตามเขตเวลาชาติยุโรปกลาง (ช้ากว่าไทย 6 ชั่วโมง) จำนวนเงินรางวัลแจ็กพอตจะถูกทบไปเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับพาวเวอร์บอล แต่มีข้อแตกต่าง คือ จะมีเพดานมูลค่าสูงสุดที่ 190 ล้านยูโร หรือราว 6,400 ล้านบาท ซึ่งหากทบไปถึงจำนวนนี้แล้วยังไม่มีผู้ถูกรางวัลแจ็กพอตภายใน 5 รอบ เงินรางวัลนั้นก็จะถูกนำมาแบ่งให้ผู้ที่ถูกรางวัลรองลงมาแทน

ผู้เล่นจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ราว 2.5 ยูโรต่อหนึ่งตา โดยจะต้องเลือกหมายเลขทั้งหมด 7 หมายเลข ซึ่ง 5 ตัวแรกจะต้องเลือกระหว่างเลข 1 ถึง 50 ส่วนตัวสุดท้ายเรียกว่า เลข lucky star ให้เลือกระหว่างเลข 1 ถึง 12 เงินรางวัลเริ่มต้นอยู่ที่ 4 ยูโร สำหรับการทายหมายเลขหลักถูก 2 หมายเลข โอกาสถูกรางวัลทั่วไปอยู่ที่ 1 ใน 13 ส่วนโอกาสถูกรางวัลแจ็กพอตอยู่ที่ราว 1 ใน 140 ล้าน

สำหรับประเทศในยุโรปอื่นที่อยู่นอกเหนือขอบเขตของยูโรมิลเลียนส์ จะมีบริษัทลอตเตอรี่อีกเจ้าหนึ่ง ชื่อว่า “ยูโรแจ็กพอต” (Eurojackpot) ซึ่งมีวิธีการเล่นใกล้เคียงกับทั้งพาวเวอร์บอลและยูโรมิลเลียนส์ แต่รางวัลแจ็กพอตจะทบสูงสุดที่ 90 ล้านยูโร หรือราว 3,000 ล้านบาท

The Mega-Sena (บราซิล)

เดอะเมกา-เซนา คือ สลากกินแบ่งที่ได้รับความนิยมและมีรางวัลใหญ่ที่สุดในประเทศบราซิล ความน่าสนใจของสลากกินแบ่งนี้ คือ การจัดสรรเงิน 46% ของรายได้การขายในแต่ละรอบออกมาเป็นเงินรางวัลในรอบนั้น ๆ โดยที่ 35% ของเงินรางวัลจะแบ่งกันในกลุ่มคนที่ทายตัวเลขถูก 6 ตัว (ในกรณีที่ไม่มีคนทายถูกทั้ง 6 ตัว เงินรางวัลจะทบสะสมไปในรอบถัดไป) 19% สำหรับผู้ที่ทายตัวเลขถูก 5 ตัว อีก 19% สำหรับผู้ที่ทายตัวเลขถูก 4 ตัว 22% แบ่งและทบรวมไว้สำหรับจับรางวัลพิเศษทุก 5 รอบ และ 5% สุดท้ายทบรวมทั้งปีไว้สำหรับรางวัลแจ็กพอต “เมกา ดา วิราดา” (Mega da Virada) ที่เป็นการจับรางวัลพิเศษในคืนปีใหม่ การจับรางวัลเมกา ดา วิราดา ช่วงคืนปีใหม่เป็นที่นิยม เพราะการทบรวม 5% ในทุกรอบกลายเป็นรางวัลใหญ่ ซึ่งมีสถิติในปี 2018 อยู่ที่ 306.7 ล้านเรอัลบราซิล หรือราว 2,300 ล้านบาท

Takara-kuji Scratch Lottery (ญี่ปุ่น)

คำว่า takara ในภาษาญี่ปุ่นมีความหมายว่า “ทรัพย์สมบัติ” ส่วน kuji มีความหมายว่า “ใบเสี่ยงทาย” ซึ่งหมายถึงลอตเตอรี่นั่นเอง จริง ๆ ลอตเตอรี่ในประเทศญี่ปุ่นก็มีหลากหลายรูปแบบไม่แพ้ชาติใดในโลก แต่ลอตเตอรี่ประเภทที่เป็นที่นิยมที่สุด คือ “หวยขูด” (scratch lottery) หรือเพราะสามารถหาซื้อได้ง่าย แถมยังไม่มีความยุ่งยากในการลุ้นรางวัล เพียงแค่ซื้อมาแล้วใช้เหรียญขูดก็จะสามารถตรวจผลรางวัลได้ทันที ยิ่งมีตัวการ์ตูนหรือสัญลักษณ์ตรงตามข้อกำหนดมากเท่าไร เงินรางวัลก็จะยิ่งสูงขึ้นตาม ซึ่งเงินรางวัลจะอยู่ระหว่าง 50,000 เยน (ราว 14,000 บาท) ไปจนถึง 100 ล้านเยน (ราว 27 ล้านบาท) ซึ่งหากถูกรางวัลก็จะสามารถนำใบลอตเตอรี่ไปขึ้นเงินรางวัลได้ทันที

Fapiao Lottery (จีน)

ประเทศจีนมีลอตเตอรี่ที่เป็นที่นิยมที่สุด คือ “ลอตเตอรี่สวัสดิการ” (welfare lottery) และ “ลอตเตอรี่เพื่อการกีฬา” (sports lottery) อยู่แล้ว ซึ่งแต่ละอย่างก็มีหลากหลายเกมให้เลือกเล่นอีก อย่างไรก็ตาม หนึ่งไอเดียในการป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษีของรัฐบาลจีนที่น่าสนใจและเคยใช้ได้ผล คือ Fapiao Lottery หรือหวยขูดจากใบกำกับภาษี ซึ่งเป็นการจูงใจให้คนซื้อขอใบเสร็จ และเพื่อทำให้พ่อค้าแม่ค้าทุกระดับเข้ามาอยู่ในระบบภาษีอีกทีหนึ่ง (เพราะถ้าไม่เข้ามาอยู่ในระบบก็จะไม่สามารถออกใบเสร็จหวยขูดให้ลูกค้าได้) ส่วนเงินรางวัลในแต่ละพื้นที่จะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับจำนวนคนในพื้นที่ตามระบบจัดแบ่งภาษี ในปัจจุบันรัฐบาลจีนเลิกออกใบเสร็จหวยขูดไปแล้ว เพราะหันไปใช้ระบบไอทีเข้ามาช่วยในการจัดการภาษีแทน จึงเปลี่ยนเป็นออกรางวัลเลขที่ใบกำกับภาษีแทน

The Speed Camera Lottery (สวีเดน)

สวีเดนเป็นประเทศในทวีปยุโรปที่มีลอตเตอรี่ที่เป็นที่นิยมอยู่แล้ว คือ “ยูโรแจ็กพอต” อย่างไรก็ดี ลอตเตอรี่ The Speed Camera Lottery นี้เป็นหนึ่งในไอเดียจากโครงการ “The Fun Theory” ของแบรนด์รถยนต์ Volkswagen ในปี 2010 ซึ่งเป็นไอเดียของนายเควิน ริชาร์ดสัน (Kevin Richardson) เพื่อจูงใจให้คนขับขี่ภายในความเร็วที่กฎหมายกำหนด โดยปกติผู้ที่ขับรถด้วยความเร็วเกินกำหนดจะต้องได้รับบทลงโทษอยู่แล้ว แต่ริชาร์ดสันมองว่า นอกจากลงโทษคนที่ทำผิดแล้ว การให้รางวัลคนที่ทำถูกกฎหมายก็น่าจะช่วยได้ เมื่อไรก็ตามที่มีรถขับด้วยความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด ระบบจะใส่ชื่อเจ้าของรถเข้าไปในลิสต์สลากกินแบ่ง แม้เงินรางวัลอาจจะไม่ได้สูงมาก แต่มีที่มาจากค่าปรับที่ได้มาจากพวกที่ขับรถเร็วเกินกำหนดนั่นเอง ผลก็คือ ความเร็วเฉลี่ยที่กล้องจับได้ลดลงจาก 32 กิโลเมตร/ชั่วโมง เหลือเพียง 25 กิโลเมตร/ชั่วโมงเท่านั้น

กลับมาที่ประเทศไทย มีข้อมูลเชิงสถิติที่น่ารู้จากศูนย์วิเคราะห์ Customer Insights by TMB Analytics และสำนักงานสถิติแห่งชาติ ระบุว่า ราว 1 ใน 4 ของคนไทยซื้อลอตเตอรี่และหวยรวมเป็นจำนวนเงินกว่า 2.5 แสนล้านบาทต่อปี ที่น่าแปลกใจคือ กว่าครึ่งของกลุ่มคนที่มีรายได้มากกว่า 100,000 บาทต่อเดือน ซื้อลอตเตอรี่และหวยใต้ดินเฉลี่ย 14 ครั้งต่อปี เป็นเงินกว่า 10,000 บาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่มากกว่ากลุ่มคนที่มีรายได้น้อยกว่านั้นใช้ในการซื้อหวยเกือบสองเท่า ข้อมูลนี้ชวนให้คิดว่า ประโยคที่ว่า “คนจนเล่นหวย คนรวยเล่นหุ้น” นั้นเป็นความจริงเพียงครึ่งเดียว