เมต้าเวิร์ส เปลี่ยนไลฟ์สไตล์การทำงาน อย่าตระหนก ต้องเตรียมรับมือ

เมื่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีบนโลกออนไลน์พลิกไปสู่อีกหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์ จากที่ยักษ์ใหญ่ในวงการอย่างบริษัท เฟซบุ๊ก เจ้าแห่งโซเชียลมีเดีย เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น เมต้า เพื่อตอกย้ำว่าจะเอาจริงกับ Metaverse (เมต้าเวิร์ส) ก็ทำให้โลกสั่นสะเทือนกับการเปลี่ยนแปลงนี้

“ดีไลฟ์ ประชาชาติธุรกิจ” ได้พูดคุยถึงการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อการทำงานของคนในยุคเมต้าเวิร์ส ที่กำลังจะมาถึง กับ “กุ้ง” พรลัดดา เดชรัตน์วิบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จัดหางาน จ๊อบส์ ดีบี (ประเทศไทย) จำกัด

“อันที่จริง เมต้าเวิร์ส ไม่ใช่เทคโนโลยีแรกที่ได้รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลง เพราะมีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีมาโดยตลอด ถ้าหากเทคโนโลยีที่ใกล้เคียงกันก็คือ VR และ AR ซึ่งเราก็ได้รับรู้กันมานานหลายปีแล้ว แต่ไม่ได้มีการนำมาใช้อย่างแพร่หลาย แต่เป็นการใช้ในเฉพาะกลุ่มบางวงการบางอุตสาหกรรมเท่านั้น”

กระแสนี้เป็นกระแสที่มาแรงมาก เพราะไม่เช่นนั้น บริษัท เฟซบุ๊ก คงไม่เปลี่ยนชื่อบริษัทอย่างแน่นอน แต่ถ้าหากถามว่า จะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคตหรือไม่ ต้องบอกว่า อนาคตเกิดขึ้นจาก การคาดการณ์, ข้อมูล และพื้นฐานอดีต แต่จะถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายหรือไม่ อาจจะยังไม่มีใครสามารถตอบได้ เพราะสุดท้ายจะต้องขึ้นอยู่กับ “การนำมาใช้” ว่าจะมีมากน้อยขนาดไหน

หากเราพิจารณาบนสมมุติฐานที่ เมต้าเวิร์ส มีผู้นำไปใช้งานอย่างแพร่หลาย แน่นอนว่าจะมีผลกระทบต่อการทำงานในหลายธุรกิจ โดยยกตัวอย่างให้เห็นภาพเปรียบเทียบกับช่วงก่อนสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เราจะต้องทำงานแบบพบปะกันในสำนักงานตลอด แทบจะไม่มีใครได้ทำงานที่บ้านเลย เว้นแต่บางฟังก์ชั่นงานเท่านั้น ซึ่งใช้ชีวิตปกติ ขับรถ, กินข้าว, นัดเจอเพื่อน ต่าง ๆ นานา

เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 เราทุกคนทุกองค์กรก็เริ่มใช้งานเทคโนโลยีอย่างแพร่หลาย อาทิ การประชุมงานออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชั่น Zoom และการ Work From Home มากขึ้น ซึ่งทำให้เกิดการใช้เทคโนโลยีในลักษณะนี้อย่างแพร่หลาย

ขณะเดียวกันหาก เมต้าเวิร์ส ใช้งานอย่างแพร่หลาย จะเปลี่ยนแปลงประสบการณ์ของผู้คนอย่างสิ้นเชิง ยิ่งกว่าการทำงานผ่านหน้าจอหรือประชุมออนไลน์ในแบบปัจจุบันนี้ เพราะเทคโนโลยี เมต้าเวิร์ส ซึ่งเปรียบเหมือนโลกเสมือนจริงที่เราสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน หรือเพื่อนร่วมงาน เสมือนการทำงานที่ออฟฟิศแต่เป็นการที่เราทำงานอยู่ที่บ้าน

แน่นอนว่าผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในภาพรวมคือ เมื่อผู้คนไม่จำเป็นต้องออกจากบ้านเพื่อไปเข้าทำงาน หรือทำกิจกรรมอื่น ๆ นอกบ้าน ธุรกิจที่จะได้รับผลกระทบหลัก ๆ ก็คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อาคารสำนักงาน, ธุรกิจความบันเทิง โรงภาพยนตร์ โรงละคร นักแสดง เป็นต้น

“ปัจจุบันทุกคนก็แทบจะดูภาพยนตร์ที่บ้านกันอยู่แล้วใน Netflix ยิ่งพอมี เมต้าเวิร์ส ที่ทำให้เป็นโลกเสมือนจริงอีก ก็จะคล้ายกับเราไปอยู่ในโรงภาพยนตร์ทั้งที่เราอยู่ที่บ้าน เช่นเดียวกับ นักแสดง ที่เมื่อมีโลกเสมือนจริงที่ทำให้สามารถสร้าง อวตาร์ หรือตัวตนสมมุติที่สร้างขึ้นบนโลกเสมือนจริงเหมือนที่เกิดขึ้นใน เกาหลี ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก และเช่นเดียวกับ ในประเทศไทย ที่มี Virtual Influencer ก็อาจจะทำให้ นักแสดง หรือคนที่เกี่ยวข้องกับส่วนนั้น ๆ ได้รับผลกระทบ”

อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวต่างประเทศมีการรายงานข่าวและความเชื่อที่ว่า “เมต้าเวิร์ส” ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตการทำงานของมนุษย์ได้ในทันทีทันใด แต่จะเป็นการเปลี่ยนแปลง “ไลฟ์สไตล์การทำงาน” มากกว่า

ถึงตรงนี้ต้องย้ำชัด ๆ อีกครั้งว่า การนำมาใช้อย่างแพร่หลายจริง ๆ จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน และในหลายธุรกิจที่ปัจจุบันเริ่มถูกดิสรัปชั่น ก็จะถูกดิสรัปชั่นไปมากกว่าปัจจุบันที่เป็นอยู่ หาก เมต้าเวิร์ส ใช้งานอย่างแพร่หลายจริง ๆ เช่น ธนาคารใน เกาหลี ได้สร้างสาขาบน เมต้าเวิร์ส นั่นหมายความว่าแทนที่ลูกค้าจะเดินทางไปที่สาขาจริง ๆ ก็อาจจะไม่ต้องเดินทาง เพราะเขาสามารถทำธุรกิจบน เมต้าเวิร์ส ได้เหมือนแบบที่ไปในสาขาปกติ

ด้านปัญหาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในตำแหน่งงานต่าง ๆจะกระทบสิ่งที่เป็นปัญหาอยู่แล้วคือ การขาดแคลนของสายงานด้านเทคโนโลยีที่เป็นปัญหาสะสมมาตั้งแต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งจะยิ่งหายากขึ้นไปอีกในอนาคต โดยอาจจะต้องถึงเวลาของระบบการศึกษาในประเทศไทยที่จะต้องหันกลับมามองอย่างจริงจังเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีอันรวดเร็ว ขณะที่มุมมองด้านที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการจัดหางานอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการสัมภาษณ์เป็นบน เมต้าเวิร์ส แทนการนัดสัมภาษณ์ที่บริษัท หรือการนัดสัมภาษณ์ผ่านทางหน้าจอคอมพิวเตอร์

ขณะที่ในช่วงที่ผ่านมาเมื่อเริ่มมีคำว่า เมต้าเวิร์ส เกิดขึ้น หลายองค์กรเริ่มมีการประกาศรับพนักงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาในด้านนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจในภาคธุรกิจที่อาจมองเห็นโอกาสในการแสวงหาช่องทางการขยายธุรกิจ ว่าจะสามารถพัฒนาศักยภาพไปบนเทคโนโลยีดังกล่าวได้หรือไม่ อย่างไร

สิ่งที่น่าจับตาอีกอย่างหนึ่งคือ อาชีพที่เป็นที่ต้องการของ เมต้าเวิร์ส ได้แก่

1.นักพัฒนา (Developer) ซึ่งเดิมทีก็ขาดแคลนอยู่แล้ว จะยิ่งมีความต้องการสูงขึ้นและก็จะยิ่งมีค่าจ้างที่สูงขึ้นตาม

2.นักออกแบบ (Graphic Design) ที่บน เมต้าเวิร์ส ต้องการในด้านการออกแบบสิ่งต่าง ๆ ในโลกเสมือนจริง

3.ผู้เชี่ยวชาญด้านสินทรัพย์ดิจิทัล เพราะสกุลเงินหรือทรัพย์สินต่าง ๆ ที่อยู่บนโลกเสมือนจริงจะต้องใช้เงินดิจิทัลในการแลกเปลี่ยนมากขึ้น

ด้านประสิทธิภาพการทำงานบนโลกเสมือนจริงหรือผ่านออนไลน์ ถ้าหากเราใช้ประสิทธิภาพของเทคโนโลยีในการทำงานอย่างเข้าใจและจริงจัง จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างแน่นอน

ยกตัวอย่าง จ๊อบส์ดีบี เรา WFH มาเป็นเวลากว่า 2 ปีแล้ว ซึ่งประสิทธิภาพการทำงานไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด เพราะมีการนำเอากระบวนการด้านเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพซึ่งนอกจากประสิทธิภาพการทำงานจะไม่ลดลงแล้วนั้น ยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้นได้อีกด้วย

เพราะพนักงานของเราไม่ต้องเดินทางซึ่งใช้เวลาบนถนนนานหลายชั่วโมง ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น หลายคนเอาเวลาที่เสียไปบนถนนไปอยู่กับครอบครัว, ออกกำลังกาย ซึ่งเมื่อเกิดความสมดุลในชีวิตมากขึ้น ก็ทำให้พนักงานมีความสุขและได้ประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มในที่สุด

“ประเด็นสำคัญของ เมต้าเวิร์ส ในประเทศไทยอยู่ที่การนำมาใช้อย่างแพร่หลาย ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับประเทศไทยในเวลานี้ต่อ เมต้าเวิร์ส ยังเร็วไปที่จะต้องตื่นตระหนกหรือมีความกังวลในการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากกว่าที่ประเทศไทยจะถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายนั้น เราคงได้เรียนรู้บทเรียนต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศอื่นก่อนเราอย่างแน่นอน”