จุรินทร์ พบ 5 รัฐมนตรีซาอุฯ ผลักดันทำ FTA ไทย-กลุ่มประเทศอ่าวอาหรับ

“จุรินทร์” นำคณะผู้แทนการค้าไทย พบ 5 รัฐมนตรีซาอุดีอาระเบีย ผลักดันทำ FTA ไทย-กลุ่มประเทศอ่าวอาหรับ เปิดทางโรงงานไทยส่งออกไก่ได้เพิ่มขึ้น และแก้ปัญหาเอกชนขอวีซ่าเข้ามาทำธุรกิจได้ง่ายขึ้น

วันที่ 29 สิงหาคม 2565 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังนำคณะผู้แทนการค้าไทย ภาครัฐ และเอกชน เข้าพบปะหารือกับ 5 รัฐมนตรีของซาอุดีอาระเบีย ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ แรงงาน ท่องเที่ยว การลงทุน และอุตสาหกรรมเหมืองแร่

รวมถึงประธานสภาหอการค้าซาอุดีอาระเบีย และประธานองค์การอาหารและยาซาอุดีอาระเบีย ที่ห้อง Al Biyal Diywan โรงแรม Intercontinental ประเทศซาอุดีอาระเบียว่า ได้ใช้โอกาสในการหารือกับนายมาจิด บิน อับดุลลา อัล กาซาบี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสื่อสารมวลชน เสนอให้มีการทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-กลุ่มประเทศอ่าวอาหรับ (GCC)

ซึ่งรัฐมนตรีตอบรับข้อเสนอ และจะเริ่มเดินหน้าจัดทำ FTA ระหว่างไทยกับ GCC ที่มี 6 ประเทศ ประกอบด้วย ซาอุดีอาระเบีย บาห์เรน โอมาน ยูเออี กาตาร์ และคูเวต โดยซาอุดีอาระเบียจะช่วยประสานงานและผลักดันร่วมกับประเทศไทยต่อไป เพื่อให้เกิด FTA ไทย-GCC ต่อไปในอนาคต

ทั้งนี้ ไทยยังได้เสนอให้จัดตั้งคณะกรรมการร่วมทางการค้าไทย (JTC) ไทย-ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งรัฐมนตรีตอบรับ และได้มอบหมายให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศและหน่วยงานของซาอุดีอาระเบียเริ่มเจรจาได้ในทันที เพื่อทำบันทึกข้อตกลงร่วมกัน (Memorandum of Coorperation – MOC) โดยเร็วที่สุด เพื่อจะจัดตั้ง JTC ต่อไป ให้เสร็จภายในสิ้นปีนี้

ขณะเดียวกัน ไทยและซาอุดีอาระเบียจะให้การสนับสนุนและส่งเสริมการจัดตั้งสภาธุรกิจไทย-ซาอุดีอาระเบีย โดยเป็นการจัดตั้งสภาในรูปแบบที่มีองค์กรเอกชนของทั้ง 2 ประเทศมาร่วมกันในการทำงาน ซึ่งได้มีการลงนาม MOU จัดตั้งกันแล้ว

นายจุรินทร์กล่าวว่า ยังได้แจ้งเรื่องการสนับสนุนนโยบาย Saudi Vision 2030 โดยแจ้งให้รัฐมนตรีพาณิชย์ซาอุดีอาระเบียรับทราบว่าไทยพร้อมให้การสนับสนุน ทั้งในด้านการค้าและการลงทุน โดยเฉพาะในเรื่องของการก่อสร้าง ทั้งในรูปการให้บริการการก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น โดยเฉพาะทางด้านอาหาร

นอกจากนี้ ได้ขอให้องค์การอาหารและยาซาอุดีอาระเบีย (SFDA) หรือ อย. ของซาอุดีอาระเบีย เร่งส่งเจ้าหน้าที่ตรวจโรงงานผลิตไก่ในไทย เพื่อให้การรับรองส่งออกไปยังซาอุดีอาระเบียได้ ซึ่งรับรองแล้ว 11 โรงงาน ยังมีอีกอย่างน้อย 28 โรงงาน ที่มีศักยภาพส่งออกไก่มาซาอุดีอาระเบียได้ ซึ่งรัฐมนตรีได้ตอบรับและสั่งการให้ SFDA เร่งประสานงานดำเนินการต่อไปโดยเร็วแล้ว

ส่วนประเด็นที่ภาคเอกชนยังติดขัดปัญหาในการเดินทางมาทำการค้าและการลงทุนในซาอุดีอาระเบีย เรื่องการขอวีซ่า ซึ่งปัจจุบันการขอวีซ่าจำเป็นที่จะต้องได้รับหนังสือเชิญจากบริษัทคู่ค้าของซาอุดีอาระเบีย ทางการซาอุดีอาระเบียจึงจะพิจารณาวีซ่าให้ แต่หลังจากที่ตนเจรจากับรัฐมนตรี ท่านได้สั่งการทันทีให้เร่งแก้ปัญหานี้โดยเร็ว ทำให้จากนี้ไป นักธุรกิจไทยที่จะเดินทางมาทำการค้า การลงทุน ที่ซาอุดีอาระเบีย ใช้แค่หนังสือรับรองจากสภาภาคเอกชนของไทยเท่านั้น จะทำให้การขอวีซ่าของภาคเอกชนที่เดินทางมาที่นี่สะดวกขึ้นต่อไปในอนาคต

การประชุมครั้งนี้ ได้มีรัฐมนตรีของซาอุดีอาระเบียอีก 4 ท่านมาร่วมหารือด้วย ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและทรัพยากรแร่ธาตุ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและการพัฒนาสังคม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว และยังมีประธานหอการค้าซาอุดีอาระเบีย และประธานองค์การอาหารและยาซาอุดีอาระเบียร่วมหารือด้วย

โดยรัฐมนตรีพาณิชย์ซาอุดีอาระเบียแจ้งว่ามกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย ได้ให้ความสำคัญกับไทยอย่างยิ่ง โดยภายหลังการเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียของนายกรัฐมนตรีไทยในช่วงเดือน พ.ค. 2565 ที่ผ่านมา และท่านได้สั่งการให้รัฐมนตรีทุกคนให้ความร่วมมือกับไทยอย่างเต็มที่ในทุกมิติ