กฟผ.-อินโนพาวเวอร์ รุกธุรกิจ EV ดีเดย์สถานีชาร์จ EleX by EGAT

กฟผ. –  อินโนพาวเวอร์ เดินหน้ารุกธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ลุยขายและติดตั้งเครื่องชาร์จอีวี เผย เครื่องชาร์จอีวี Wallbox กระแสตอบรับดี คาดรับรู้รายได้ไตรมาสแรกปีหน้า 2566 พร้อมผุดสถานีชาร์จ EleX by EGAT แห่งใหม่ที่เมืองทองธานี 13 ช่องจอด หนุนอุตสาหกรรม S-curve สังคมคาร์บอนต่ำ ตามนโยบาย 30@30 ของรัฐบาล 

วันที่ 1 ธันวาคม 2565 นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการ กฟผ. เปิดเผยว่า การเดินหน้าขับเคลื่อนการลงทุนผลิตภัณฑ์และบริการด้านยานยนต์ไฟฟ้าของบริษัทในกลุ่ม กฟผ. มีเป้าหมายสำคัญเพื่อส่งเสริมระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem) และสนับสนุนอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศตามนโยบาย 30@30 ทั้งการขยายสถานีชาร์จ EleX by EGAT การพัฒนาแอปพลิเคชั่น EleXA และระบบปฏิบัติการบริหารจัดการสถานีชาร์จ (BackEN) รวมถึงการจับมือพันธมิตรชั้นนำทางธุรกิจจากประเทศสเปนนำเข้าเครื่องชาร์จอีวีประสิทธิภาพสูงภายใต้แบรนด์ Wallbox ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้คนไทยในการตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้อีวีมากยิ่งขึ้น 

โดย กฟผ.ตั้งเป้าขยายสถานีชาร์จ EleX by EGAT และสถานีพันธมิตรในปีนี้รวมกว่า 100 สถานี ซึ่งครอบคลุมการเดินทางของผู้ใช้อีวีในทุกภูมิภาค นอกจากนี้ กฟผ.ยังร่วมกับผู้ให้บริการรายอื่นเชื่อมโยงข้อมูลตำแหน่งสถานีชาร์จทุกค่ายมาไว้ในแอปพลิเคชั่น EleXA เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้อีวีในการค้นหาสถานีชาร์จ ตลอดจนขยายการให้บริการระบบปฏิบัติการ BackEN ช่วยบริหารจัดการสถานีชาร์จอย่างครบวงจรแก่ผู้ที่สนใจลงทุนสถานีชาร์จ ส่วนการจำหน่ายเครื่องชาร์จอีวี Wallbox กฟผ.ได้มอบหมายให้บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม กฟผ. เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินธุรกิจ เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจอีวีในอนาคต

นายอธิป ตันติวรวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า Innopower มีเป้าหมายในการสร้างธุรกิจนวัตกรรมพลังงานที่ตอบโจทย์ทางด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม โดยในส่วนของยานยนต์ไฟฟ้า เราต้องการสร้างประสบการณ์ที่ดีในการในชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ทั้งส่วนของเครื่องชาร์จอีวี และระบบการบริหารจัดการสถานีชาร์จ


ปัจจุบันเครื่องชาร์จอีวีไม่เพียงแค่ชาร์จไฟฟ้าให้กับรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น แต่ต้องตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของผู้ใช้อีวีด้วย Wallbox จึงถือเป็นเครื่องชาร์จอีวีสุดอัจฉริยะ (Smart EV Charger) มาตรฐานยุโรป ขนาดกะทัดรัด ทันสมัยเหมาะกับการตกแต่งทุกรูปแบบ อีกทั้ง Wallbox ยังถูกออกแบบให้การชาร์จไฟฟ้าแต่ละครั้งเกิดความคุ้มค่าที่สุด เพราะสามารถเลือกชาร์จไฟฟ้าอัตโนมัติในช่วงที่อัตราค่าไฟฟ้าต่ำ รองรับการทำงานร่วมกับพลังงานสะอาดอย่างโซลาร์เซลล์ และเฉลี่ยกำลังไฟขณะชาร์จเพื่อป้องกันการใช้ไฟฟ้ามากเกินไปเมื่อใช้งานพร้อมกันหลายคัน นอกจากนี้การติดตั้ง Wallbox ยังได้รับรองมาตรฐานการติดตั้งอย่างปลอดภัยจาก กฟผ.อีกด้วย 

“อินโนพาวเวอร์พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดัน Ecosystem ของประเทศ และสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้อีวีทุกกลุ่ม เพื่อเดินหน้าประเทศสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืนในอนาคต และจากการทดลองจำหน่ายช่วง 5 เดือนที่เปิดตัวถือว่าได้รับกระเเสตอบรับดีอย่างมาก”

นอกจากนี้ กฟผ.พร้อมด้วยนายพอลล์ กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด ยังได้ร่วมกันเปิดสถานีชาร์จ EleX by EGAT ที่ได้ร่วมกันพัฒนาเพื่อให้บริการผู้ใช้อีวีที่เข้ามาใช้บริการในบริเวณพื้นที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยเปิดให้บริการจำนวน 2 สถานี รวม 13 ช่องจอด ในบริเวณ 2 พื้นที่ ได้แก่

1.บริเวณอาคารจอดรถในร่ม P1 อาคารชาเลนเจอร์ เป็นสถานีอัดประจุไฟฟ้าแบบชาร์จด้วยความเร็วปกติ AC Normal Charge 9 ช่องจอด 2.บริเวณพื้นที่ลานจอดรถของโรงแรมโนโวเทล เป็นสถานีอัดประจุไฟฟ้าแบบชาร์จเร็ว DC Fast Charge 60-125 kW รวม 4 ช่องจอด ซึ่งจะทำให้พื้นที่แห่งนี้กลายเป็นสถานีชาร์จไฟฟ้าสาธารณะที่มีจำนวนหัวชาร์จมากที่สุดในจังหวัดนนทบุรี

ด้านนายพอลล์ กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี กล่าวว่า ปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลกให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น จึงเกิดเป็นความร่วมมือของประชาคมโลก เพื่อแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศเป็นระยะ

อย่างไรก็ตามภาคการขนส่งถือเป็นอุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกในสัดส่วนที่สูงเป็นอันดับต้นของประเทศไทย ส่งผลให้รัฐบาลต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและด้านคมนาคมขนส่ง เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนลง โดยหนึ่งกลไกสำคัญในการผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low-carbon Society) คือ แนวทางส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ตามนโยบาย 30@30 ของรัฐบาล ซึ่งมีเป้าหมายในการผลิตรถ ZEV (Zero Emission Vehicle) หรือรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ให้ได้อย่างน้อย 30% ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมดในปี พ.ศ. 2573

ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ออกมาตรการทางภาษี ทั้งการลดอัตราภาษีประจำปี การยกเว้นอาการศุลกากรสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับยานยนต์ไฟฟ้า เช่น การส่งเสริมสถานีอัดประจุไฟฟ้า การพัฒนากฎหมาย และระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการอัดประจุ เป็นต้น เพื่อสร้างแรงจูงใจในการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า

ด้วยแนวโน้มที่เกิดขึ้น อิมแพ็ค เมืองทองธานี ในฐานะผู้ดำเนินธุรกิจศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุม ซึ่งรองรับผู้เข้ามาใช้บริการมากกว่า 10 ล้านคนต่อปี

พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนนโยบายดังกล่าว โดยเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมาได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างบริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อิมแพ็คโกรท และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)

ล่าสุดได้เปิดให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า EleX by EGAT จำนวน 2 สถานี รวม 13 จุดจอด ได้แก่ 1.บริเวณอาคารจอดรถในร่ม P1 อาคารชาเลนเจอร์ รวม 9 ช่องจอด 2.บริเวณพื้นที่ลานจอดรถของโรงแรมโนโวเทล เป็นสถานีอัดประจุไฟฟ้าแบบชาร์จเร็ว DC Fast Charge 60-125 kW รวม 4 ช่องจอด เพื่อรองรับจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในอนาคต

“EleX by EGAT@IMPACT ถือเป็นสถานีอัดประจุไฟฟ้าสาธารณะที่มีจำนวนหัวชาร์จมากที่สุดในจังหวัดนนทบุรี ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้ อิมแพ็ค เมืองทองธานี จะเป็นผู้ลงทุนพื้นที่ ขณะที่ กฟผ.จะเป็นผู้ลงทุนด้านการติดตั้ง และบริการหลังการขาย อิมแพ็ค เมืองทองธานี ในฐานะผู้ดำเนินธุรกิจศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม ตระหนักถึงความสำคัญและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้น จึงขอเป็นหนึ่งในการร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยการเปิดให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า ถือเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มสัดส่วนของพลังงานทดแทนในการผสมผสานการใช้พลังงานของโลกพร้อมผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำภายในปี 2573”