โอ้กะจู๋ขายดี รับเทรนด์สุขภาพ อัพยอดขาย 2 พันล้านดันเข้าตลาดหุ้นปี’67

สวนผัก

“โอ้กะจู๋” คาดปิดจ็อบปี’65 กวาด 1,200 ล้านบาท จากเทรนด์รักสุขภาพ สปีดขยายสาขาผ่าน PTT Station 80 สาขา บวกสาขาหลักอีก 6 สาขา ปักหมุดเมืองท่องเที่ยวภาคตะวันออก-กรุงเทพฯ แฟลกชิป drive thru เตรียมกระโดดตลาดเพื่อนบ้าน CLMV ตั้งเป้าอัพยอดขยายทะลุ 2,000 ล้านบาท ก่อนเข้าระดมทุน SET ในปี’67

นายชลากร เอกชัยพัฒนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด เป็นผู้ดำเนินกิจการร้านอาหารเพื่อสุขภาพภายใต้แบรนด์ “โอ้กะจู๋” เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า โอ้กะจู๋มีแผนจะเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในปี 2567 ในอีก 2 ปีข้างหน้า เพื่อนำเงินไปใช้ใน 3 ส่วน คือ การขยายสาขาร้านโอ้กะจู๋ และขยายแบรนด์ร้านอาหารใหม่ ๆ พัฒนาแพลตฟอร์มรองรับการขยายฟาร์ม และใช้หนี้คืนบางส่วน โดยในระหว่างนี้ บริษัทจะมีการเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 80 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มีทุนจดทะเบียน 225 ล้านบาท เพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ

ชลากร เอกชัยพัฒนกุล โอ้กะจู๋
ชลากร เอกชัยพัฒนกุล

“การตัดสินใจเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ใช้เวลาตัดสินใจนานถึง 4 ปี เพราะมีความท้าทายอีกหลายด้าน เเต่เนื่องจากมองถึงตลาดที่ยังมีช่องว่าง และเทรนด์สุขภาพผู้บริโภคยุคใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโต แต่การทำธุรกิจนี้เพียงอย่างเดียวอาจจะยังไม่ยั่งยืน และยังมีอีกหลายจุดที่ยังต้องปรับตัว จึงต้องการผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเข้ามาช่วยสนับสนุนแลกเปลี่ยนแนวคิดกันได้ซึ่ง OR จะเข้ามาสามารถช่วยเสริมอีกหลายด้าน”

นายชลากรกล่าวว่า บริษัทคาดว่าในปี 2566 จะมีรายได้ 1,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่มีรายได้ 1,200 ล้านบาท และวางแผนสร้างรายได้ 2,000 ล้านบาทในปี 2567

โดยในปีหน้ามีแผนขยายสาขาผ่านสถานีบริการน้ำมัน PTT Station เพิ่มอีก 80 สาขา จากปีนี้ที่มี 44 สาขาและนอกสถานีบริการน้ำมันอีก 6 สาขา และในปี 2567 จะขยายอีก 6 สาขาในพื้นที่ท่องเที่ยว ภาคตะวันออก ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ศรีราชา จ.ชลบุรี จ.ระยอง และร้านในรูปแบบ drive thru ที่สาขาบางใหญ่แห่งใหม่

รวมทั้งร้านใหญ่ในแฟลกชิปใหม่ของ PTT Station บนถนนวิภาวดีฯ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง อีกทั้งมีแผนขยายไปต่างประเทศกลุ่ม CLMV (เวียดนาม สปป.ลาว เมียนมา กัมพูชา) ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาตลาด โดยแผนธุรกิจทั้งหมดจะใช้ฐานข้อมูลบิ๊กดาต้าของ OR เข้ามาช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภค

พร้อมกันนี้จะมีการขยายสวนผักอินทรีย์จากปัจจุบันมีพื้นที่รวม 380 ไร่ มีกำลังการผลิต 2.5 ตันต่อวัน แต่ปริมาณวัตถุดิบผักสดยังไม่เพียงพอ จึงเปิดรับซื้อผักจากกลุ่มเกษตรกร ขณะที่ครัวกลางใน อ.ดอยสะเก็ดผลิตได้ 30% ยังมีกำลังจะขยายการผลิตเพิ่มอีกมาก

“ปีนี้ยอดรายได้ตามเป้าหมาย 1,200 ล้านบาท เพราะหลังโอ้กะจู๋เข้าเป็นพันธมิตรกับบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) เมื่อปี 2564 ช่วยให้โอ้กะจู๋ขยายตัวอย่างรวดเร็ว และปีนี้ถือว่าเศรษฐกิจเริ่มกลับมาคึกคักภายหลังจากบริษัทเผชิญกับวิกฤตสถานการณ์โควิด-19 ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา บวกกับเทรนด์รักสุขภาพส่งผลดีต่อธุรกิจ”

นอกจากนี้ บริษัทเร่งวิจัยและพัฒนาสินค้า เน้นเมนูสุขภาพ ทั้งในสาขาและนำเข้าไปจำหน่ายในร้านกาแฟ Cafe Amazon และซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้นำแซนด์วิชเข้าไปจำหน่ายใน Cafe Amazon กว่า 40 สาขานั้นได้รับการตอบรับอย่างดี พร้อมกับเตรียมลงทุนนวัตกรรมเทคโนโลยีโดยนำหุ่นยนต์เข้ามาช่วยเสิร์ฟ เพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงานในอนาคต และยังเตรียมเปิดให้บริการสั่งซื้อผักสดจากแอปพลิเคชั่นโอ้กะจู๋

อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวยังไม่ได้มองถึงการขยายธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์ เพราะยังห่วงในเรื่องของการรักษาคุณภาพของอาหารให้มีมาตรฐานตรงกันทุก ๆ สาขา เรายังต้องทำการตลาดเพื่อสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง

ส่วนโปรโมชั่นก็ยังเป็นสิ่งสำคัญในช่วงภาวะกำลังซื้อที่ลดลง บวกกับการบริหารเรื่องต้นทุน ที่ผ่านมาทั้งโควิด-19 ได้รับผลกระทบอย่างหนักเพราะราคาวัตถุดิบและพลังงานปรับตัวสูงขึ้น 20% โดยเฉพาะราคาพลังงาน เนื่องจากต้องขนส่งวัตถุดิบผักจากสวนในจังหวัดเชียงใหม่สู่ศูนย์กระจายสินค้าที่กรุงเทพฯ ก่อนที่จะกระจายไปยังสาขาต่าง ๆ แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นจุดแข็ง ในช่วงที่ราคาสินค้าหลายชนิดได้รับผลกระทบจากปุ๋ยแพง แต่เราใช้ผักอินทรีย์ จึงไม่ได้รับผลกระทบ และยังไม่มีการปรับขึ้นราคา แต่อาจจะต้องพิจารณาปรับบางรายการในอนาคต

ทั้งนี้ บริษัท มอดูลัส เวนเจอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ OR เข้าลงทุนในโอ้กะจู๋ ในสัดส่วน 20% โดยมีเป้าหมายใหญ่คือมุ่งขยายสาขาร้านโอ้กะจู๋ในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 1,947 สาขา ส่วนโอ้กะจู๋มีจุดเด่นเรื่องความสดใหม่ของผักที่ปลูกด้วยระบบเกษตรอินทรีย์ ส่งตรงจากฟาร์มผักขนาดใหญ่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ปัจจุบันมี 62 สาขา